กรมพัฒนาธุรกิจฯ หารือ ประธานกรรมการหอการค้าฯ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผลักดัน 3 มาตรการเร่งด่วน e-Government พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการยกครอบครัว และขยายตลาดให้เอสเอ็มอี สนับสนุน GDP SMEs ไทย เพิ่มเป็น 40% ในปี 2570
กรมพัฒนาธุรกิจฯ
หารือ ประธานกรรมการหอการค้าฯ
ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
ผลักดัน 3 มาตรการเร่งด่วน
e-Government
พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการยกครอบครัว และขยายตลาดให้เอสเอ็มอี
สนับสนุน
GDP SMEs ไทย เพิ่มเป็น 40%
ในปี 2570
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำทุกวิถีทางดัน GDP SMEs ไทย เพิ่มเป็น 40% ภายในปี 2570 ล่าสุดนำคณะผู้บริหารกรมฯ
รุดหารือประธานกรรมการหอการค้าฯ พร้อมผู้บริหาร ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง
เบื้องต้น เตรียมร่วมกันผลักดัน 3 มาตรการเร่งด่วน
1) e-Government ใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ 2) พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยแบบยกครอบครัว 3) ช่วยเอสเอ็มอีขยายตลาด
ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ อาศัยเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วประเทศเสริมแกร่งภาคธุรกิจ ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน เผยผลการหารือชื่นมื่น หอการค้าฯ ยินดีสนับสนุนกรมพัฒนาธุรกิจฯ
เต็มที่ ขอให้บอกมา..หอการค้าพร้อมจัดให้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการนำคณะผู้บริหารกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เข้าพบ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
พร้อมผู้บริหารฯ ณ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ถ.ราชบพิธ ว่า "ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณนายสนั่น อังอบุลกุล และคณะผู้บริหารหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ที่เปิดโอกาสให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เข้าพบเพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยให้มีความเข้มแข็ง
พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนถึงแนวทางการดำเนินงานที่จะร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างสมดุล
จุดเริ่มต้นของการหารือในครั้งนี้ มาจากการที่รัฐบาลได้มอบนโยบายสำคัญแก่กระทรวงพาณิชย์ในการเพิ่มสัดส่วน
GDP ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs)
ของไทย จาก 35.2% เป็น 40% ของ GDP ภายในปี 2570 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการสนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการไทยทุกระดับ จึงเร่งต่อยอดการดำเนินงานดังกล่าวให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
โดยเน้นการหารือและขอความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะพันธมิตรที่มีเครือข่ายธุรกิจที่หลากหลาย
เพื่อร่วมกันผลักดันให้เป้าหมายข้างต้นบรรลุตามเป้าประสงค์ที่ได้ตั้งไว้
โดยผลสัมฤทธิ์สูงสุด คือ เอสเอ็มอีไทยต้องมีความเข้มแข็งพร้อมแข่งขันได้ทุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ
และที่สำคัญ คือ เป็นฟันเฟืองหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เดินหน้าไปข้างหน้าด้วยความแข็งแกร่ง
อธิบดีอรมน
กล่าวต่อว่า กรมฯ ได้ร่วมหารือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญที่มีความใกล้ชิดกับกรมฯ และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยตลอดมา
โดยจะร่วมกันผลักดัน 3 มาตรการเร่งด่วน คือ
1. ผลักดัน e-Government โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพัฒนาปรับปรุงระบบการดำเนินงานของภาครัฐ พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งปัจจุบัน กรมฯ ได้เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานรัฐที่เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ/อนุญาตแล้ว
จำนวน 95 หน่วยงาน เพื่อลดความยุ่งยากซ้ำซ้อนในการขอเอกสารหรือทำธุรกรรมต่างๆ ของภาคธุรกิจ
เป็นการยกระดับการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแก่ภาคเอกชน รวมทั้ง
ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ กรมฯ พร้อมนำข้อคิดเห็นและข้อสังเกตที่ได้รับไปหารือร่วมกับ
สำนักงาน กพร. เพื่อผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ แบบ One
Stop Service มุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
(e-Government) อย่างเต็มศักยภาพ
2. พัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
ผ่านการเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ อาทิ ด้านทรัพย์สินทางปัญญา ด้านการจัดทำบัญชี
ด้านการจดทะเบียนการค้า ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ เป็นต้น นอกจากนี้ กรมฯ
ยังร่วมมือกับหอการค้าฯ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดทำโครงการ 'Family Business Thailand' เพื่อสร้างแหล่งให้ความรู้แบบ
Non- Degree และ Degree แก่ผู้ประกอบธุรกิจแบบยกครอบครัวทั่วประเทศ
เพื่อเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงและศูนย์บ่มเพาะองค์ความรู้สำหรับธุรกิจครอบครัว
รวมทั้ง การร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยกระดับสมาคมการค้าโดยจัดกิจกรรมประกวดสมาคมการค้าดีเด่นเป็นประจำทุกปี
3. ขยายตลาดให้เอสเอ็มอี ผ่านการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ รวมทั้ง หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าจังหวัด หอการค้าต่างประเทศ ฯลฯ โดยจะร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความหลากหลายและครอบคลุมทั้งในมิติการประชาสัมพันธ์ การสร้างการรับรู้ ตลอดจนการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า เป็นต้น"
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "หอการค้าไทยฯ พร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอย่างเต็มที่ ทั้งการยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย และส่งเสริมให้ GDP SMEs ของประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่ 40% ในปี 2570 ของ GDP ประเทศ ทั้งนี้ หอการค้าไทยฯ ได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจฯ
ดำเนินกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การจัดประกวดสมาคมการค้าดีเด่นที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญทำให้เกิดการกระตุ้นให้สมาคมการค้ามีการพัฒนาองค์กรไปสู่มาตรฐานสากล
รวมทั้ง สร้างความตระหนักรู้ถึงบทบาทที่สำคัญของสมาคมการค้าในการพัฒนาธุรกิจสาขาต่างๆ
ให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน หอการค้าไทยฯ ยินดีร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอย่างสุดกำลัง
เพื่อให้ภาคธุรกิจของไทยมีความเข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลดีย้อนกลับไปสู่ภาคธุรกิจต่อไปในอนาคต"
อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้ายว่า "กรมฯ ให้ความสำคัญต่อการยกระดับและพัฒนาผู้ประกอบการไทยทุกระดับให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง ซึ่งการหารือกับหอการค้าไทยฯ ในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี การส่งเสริมสมาคมการค้าร่วมกัน รวมถึง การเชื่อมระบบเอกสารที่ไม่เกิดความซ้ำซ้อน ตลอดจนประเด็นอื่นๆ ที่จะสามารถดำเนินการร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือภาครัฐและเอกชนในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด พร้อมสนับสนุนและพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน"
#SuperDBD
*********************************************
ที่มา
: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉบับที่ 186/ วันที่ 28 ธันวาคม 2566