รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ภูมิธรรม ควงแขน รมช.พาณิชย์ นภินทร ติดตามความคืบหน้านโยบาย Quick Win พร้อมมอบนโยบายการทำงานกรมพัฒน์ฯ

รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ภูมิธรรม ควงแขน รมช.พาณิชย์ นภินทร

ติดตามความคืบหน้านโยบาย Quick Win พร้อมมอบนโยบายการทำงานกรมพัฒน์ฯ

ย้ำ!! ทุกภารกิจต้องทำเพื่อประชาชน และประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุด

        รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ภูมิธรรม ควงแขน รมช.พาณิชย์ นภินทร ติดตามความคืบหน้าควิกวินของรัฐบาล พร้อมมอบนโยบายการทำงานให้ผู้บริหารกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย..ผลดำเนินงานเร่งด่วนเป็นที่น่าพอใจ เห็นผลเป็นรูปธรรมจับต้องได้ กำชับให้ดำเนินงานต่อเนื่องทั้งระยะกลางและระยะยาวสานต่อนโยบายรัฐบาลเชื่อมโยงภารกิจกรมฯ สอดคล้องแนวโน้มการประกอบธุรกิจประชาคมโลก โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่เป็นหน่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ต้องเร่งเสริมความรู้ที่จำเป็นและสร้างความพร้อมสำหรับอนาคต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ใช้ประโยชน์จากคลังข้อมูลธุรกิจได้เต็มประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลักสร้างความเข้มแข็ง พร้อมขจัดอุปสรรคการค้า อำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ และสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการด้วยความเป็นธรรม โดยภาครัฐพร้อมบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนสนับสนุนเอสเอ็มอีเต็มที่ ย้ำ!! ทุกภารกิจการปฏิบัติราชการต้องมีผลลัพธ์ที่ชัดเจน เน้นเกิดผลดี...ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

          นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังติดตามการดำเนินงานควิกวินของรัฐบาล และมอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า "ได้เดินทางมากรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานนโยบายควิกวิน หรือ แผนปฏิบัติงานเร่งรัดของรัฐบาล พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่ผู้บริหารกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยนับตั้งแต่วันที่รัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ได้กำหนดนโยบายที่หน่วยงานภาครัฐต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้บรรลุเป้าหมายระยะสั้นตามที่กำหนด โดยต้องมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน รวมทั้ง วางพื้นฐานเป็นแนวปฏิบัติต่อเนื่องระยะยาวส่งผลให้เศรษฐกิจภาพรวมประเทศมีความเข้มแข็ง

         นโยบายควิกวินของกระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประกอบด้วย 1) ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส 2) บริหารให้เกิดความสมดุล ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ และ 3) การอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้รายงานความคืบหน้าและแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนที่สอดคล้องกับภารกิจกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 3 ด้าน ประกอบด้วย

          ด้านการจดทะเบียนและให้บริการข้อมูลธุรกิจ ให้ความสำคัญต่อการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชนด้วยบริการที่ 'สะดวก ถูกต้อง รวดเร็ว' ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถนำข้อมูลธุรกิจไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นำไปต่อยอดสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้ง ลดขั้นตอนการดำเนินงาน ลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน ประกอบด้วย พัฒนาบริการดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบให้ครบทุกกระบวนงาน (Digital 100%) เช่น * ระบบจดทะเบียนบริษัทมหาชน หรือ e-PCL * ระบบออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว * ระบบจดทะเบียนสมาคมการค้าและหอการค้า พัฒนาระบบจดทะเบียนธุรกิจ * พัฒนาแบบฟอร์มคำขอจดทะเบียนนิติบุคคล ในรูปแบบ e-Form * รวมขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจ เช่น การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับกรมสรรพากร เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคล ในการขออนุมัติ อนุญาตจากส่วนราชการ โดยปัจจุบันได้เชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลของกรมฯ กับหน่วยงานต่างๆ แล้ว 165 หน่วยงาน และได้เร่งทำความเข้าใจกับส่วนราชการเพื่อลดภาระภาคธุรกิจ ในการขอข้อมูลนิติบุคคลและสำเนาเอกสารทางทะเบียนเพื่อไปยื่นต่อหน่วยงานต่างๆ ที่ได้เชื่อมโยงข้อมูลกับกรมฯ รวมทั้ง เพิ่มบริการชุดข้อมูลสนับสนุนการพิสูจน์การยืนยันตัวตนนิติบุคคล (Digital ID) และ ปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค ไม่ทันสมัย และให้รองรับการพัฒนาบริการสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

          ด้านส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เป้าหมายสำคัญ คือ การพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน มี 'รายได้ เติบโต และยั่งยืน' ขยายสัดส่วน GDP ของเอสเอ็มอี จาก 34.6% ในปี 2564 เป็น 40% ในปี 2570 แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 4 ภารกิจ คือ พัฒนาศักยภาพในการปรับตัวของธุรกิจ สร้างความยั่งยืน เตรียมความพร้อมสู่ต่างประเทศ ผลักดันแนวคิด 'การประกอบธุรกิจด้วยความยั่งยืน' ส่งเสริมผู้ประกอบการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เตรียมความพร้อมเอสเอ็มอีในการลดก๊าซเรือนกระจก สอดรับแนวทางการประกอบธุรกิจประชาคมเศรษฐกิจโลก สร้างภาคีความร่วมมือในการส่งเสริมธุรกิจ * ขยายช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศให้กับเอสเอ็มอี เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ธุรกิจแฟรนไชส์ไทย ธุรกิจร้านอาหาร Thai SELECT และสินค้าพื้นถิ่น (OTOP Select) ด้วยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ ผู้ประกอบการรายใหญ่ และ แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ * ผลักดันให้เกิด MOU อี-คอมเมิร์ซระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทย - จีน สร้างโอกาสทางการค้าและเชื่อมโยงเครือข่ายเอสเอ็มอี * จัดงานแสดงสินค้าและบริการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด * จับมือสถาบันการเงินส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นการใช้หลักประกันทางธุรกิจ พัฒนาองค์ความรู้ผู้ประกอบการ โดยการจัดอบรม สัมมนา และหลักสูตร e-Learning ต่างๆ

          ด้านกำกับดูแลและสร้างธรรมาภิบาลธุรกิจ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนและเกิดความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ตามภารกิจ 3 ด้าน คือ * บูรณาการความร่วมมือสำนักงานบัญชี และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อเพิ่มจำนวนสำนักงานบัญชีคุณภาพ * จับมือหน่วยงานพันธมิตร เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินหน้ากำกับดูแล และตรวจสอบเรื่องธรรมาภิบาลการประกอบธุรกิจ * ขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้มีข้อมูลทางการเงินสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

          นอกจากนี้ กรมฯ เตรียมดำเนินการตามนโยบายควิกวินระยะกลางและระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดธุรกิจเอสเอ็มอีเป้าหมาย คือ เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจบริการสุขภาพและความงาม ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ธุรกิจชุมชน ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก (โชห่วย) และธุรกิจฟู้ดทรัค โดยเร่งดำเนินการเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น ส่งผลต่อการสร้างรายได้และผลกำไรที่มั่นคง ตามนโยบายควิกวินด้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส และการบริหารให้เกิดความสมดุล ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ รวมทั้ง จะดำเนินการประเมินผลความพึงพอใจของผู้ใช้บริการทั้งภาคธุรกิจและประชาชนที่เข้ามาใช้บริการของกรมฯ เพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการที่ดีขึ้นกว่าเดิม สนองความต้องการได้อย่างตรงจุด ซึ่งสามารถสะท้อนได้ถึงนโยบายการอำนวยความสะดวกทางการค้าได้เป็นอย่างดี

          รองนายกฯ และ รมว.พณ.ภูมิธรรม กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายสำคัญที่มอบแก่ผู้บริหารกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเน้นสานต่อนโยบายควิกวินของรัฐบาลที่อยู่ระหว่างดำเนินงาน โดยกำชับให้กรมฯ ดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปสู่ระยะกลางและระยะยาวเพื่อเชื่อมโยงไปยังภารกิจสำคัญของรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวมทั้ง พัฒนางานและบริการใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชนให้ได้มากที่สุด

          สำหรับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่เป็นหน่วยธุรกิจหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ให้กรมฯ เร่งดำเนินการประกอบด้วย

1. ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจที่กรมฯ มีอยู่ในคลังข้อมูลธุรกิจเพื่อให้ภาคธุรกิจนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยต้องมีการอัพเดทข้อมูลธุรกิจให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้ง วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจแต่ละประเภทเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนแก่นักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

2. ผลักดันให้ผู้ประกอบการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นธุรกิจสีเขียวที่กำหนดนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการบริหารจัดการธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน สอดรับกระแสธุรกิจโลก โดยประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบธุรกิจ ทำให้สามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากสอดคล้องกับแนวโน้มการประกอบธุรกิจของนานาชาติทั้งปัจจุบันและอนาคต

 3. เสริมสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ และสร้างความพร้อมสำหรับอนาคต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน สร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจ รองรับความท้าทายทุกรูปแบบที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลักสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการธุรกิจ พร้อมเร่งขจัดอุปสรรคทางการค้าด้านต่างๆ ทั้งการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เอื้อประโยชน์และอำนวยความสะดวกต่อการประกอบธุรกิจ การพัฒนาระบบการให้บริการที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้ง ให้ความสำคัญต่อการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรมได้โดยง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยอาศัยกลไกกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ทั้งนี้ ภาครัฐพร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกด้าน เพื่อให้ภาคธุรกิจเติบโตและเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง สามารถยืนหยัดบนโลกธุรกิจอย่างยาวนาน

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่ากรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะสามารถปฏิบัติราชการได้บรรลุตามเป้าประสงค์ของรัฐบาล เพื่อให้ภาคธุรกิจเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนและสร้างความมั่นคงต่อระบบเศรษฐกิจ มีความเชื่อใจ เข้าใจ และพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการเดินหน้าพัฒนาประเทศ มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ขณะที่ทุกการปฏิบัติราชการ ภาครัฐต้องมีการกำหนดเป้าหมายและเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน เห็นผลเป็นรูปธรรม สร้างสมดุลให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อภาคธุรกิจและประชาชน สำคัญที่สุด คือ ต้องยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ผลลัพธ์จากทุกการปฏิบัติราชการต้องส่งผลดีต่อประชาชน และประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้แก่ประเทศชาติอย่างแท้จริง" รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ภูมิธรรม กล่าวทิ้งท้าย

#SuperDBD

************************************

ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า                                                     ฉบับที่ 168 / วันที่ 3 ธันวาคม 2566