การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนตุลาคม 2566 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนตุลาคม
2566
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนตุลาคม 2566 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ผลการจดทะเบียนธุรกิจ
ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนตุลาคม
2566
- จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศในเดือนตุลาคม 2566 จำนวน 6,647 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 27,210.97 ล้านบาท
- ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 567 ราย
คิดเป็น 8.53% ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป
จำนวน 498 ราย คิดเป็น 7.49% รองลงมา และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 331 ราย คิดเป็น 4.98% ตามลำดับ
- ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน
โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,117 ราย คิดเป็น 61.94% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 2,438 ราย
คิดเป็น 36.68% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท
มีจำนวน 74 ราย คิดเป็น 1.11% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท
จำนวน 18 ราย คิดเป็น 0.27% ตามลำดับ
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนตุลาคม
2566
- จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนตุลาคม 2566 มีจำนวน 2,240 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 8,954.24 ล้านบาท
- ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป
จำนวน 185 ราย คิดเป็น 8.27% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
จำนวน 136 ราย คิดเป็น 6.08% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 69 ราย คิดเป็น 3.08% ตามลำดับ
- ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน
โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1
ล้านบาท จำนวน 1,557 ราย คิดเป็น 69.51% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 586 ราย คิดเป็น 26.16% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า
5-100 ล้านบาท จำนวน 92 ราย คิดเป็น 4.11% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 5 ราย คิดเป็น 0.22%
ตามลำดับ
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ
31 ตุลาคม 2566
- ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ
วันที่ 31 ต.ค. 66)
ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 889,424 ราย มูลค่าทุน
21.63 ล้านล้านบาท
จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 200,041 ราย คิดเป็น 22.49% บริษัทจำกัด จำนวน 687,947 ราย คิดเป็น 77.35%
และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,436 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ
- ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1
ล้านบาท จำนวน 516,978 ราย คิดเป็น 58.13% รวมมูลค่าทุน 0.45
ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.10% รองลงมา คือ
ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 275,612
ราย คิดเป็น 30.99% รวมมูลค่าทุน 0.94 ล้านล้านบาท
คิดเป็น 4.38% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 78,923 ราย คิดเป็น 8.87% รวมมูลค่าทุน 2.16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.00% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 17,911 ราย คิดเป็น 2.01% รวมมูลค่าทุน 18.06 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.53%
ตามลำดับ
การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว
เดือนตุลาคม 2566
- เดือนตุลาคม 2566
มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 63 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 23 ราย
และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 40 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,953 ล้านบาท ทั้งนี้
เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน 2566
จำนวนธุรกิจที่คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น 7% (เพิ่มขึ้น 4 ราย)
ในขณะที่เงินลงทุนลดลง 40% (ลดลง 7,276 ล้านบาท)
- นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น
จำนวน 12 ราย เงินลงทุน 5,901 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ จีน จำนวน 9 ราย เงินลงทุน 2,159
ล้านบาท และ สิงคโปร์ จำนวน 9 ราย เงินลงทุน 798 ล้านบาท ตามลำดับ
ปี 2566 (มกราคม - ตุลาคม)
- เดือนมกราคม - ตุลาคม 2566 คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 556 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 94,966 ล้านบาท
*******************************
การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดือนตุลาคม
2566
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวก เพื่อลดต้นทุน
ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนางานบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่
ทุกเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และประกาศกรมเรื่องการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
(Digital
Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service
เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยในปี 2566
(ม.ค. - ต.ค.) มีจำนวนขอรับข้อมูล 3,275,245 ราย
ซึ่งผ่านช่องทาง Self Pick up มีจำนวน 1,346,128 ราย EMS จำนวน 264,491 ราย Delivery จำนวน 25,685 ราย
และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์
(e-Certificate
File) จำนวน 1,638,941 ราย
และรองรับการให้บริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า
หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ มีสถิติการให้บริการในปี 2566 (ม.ค. - ต.ค.) จำนวน 23,908
ฉบับ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ IOS
การให้บริการขอหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล
ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส่วนกลาง)
และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 ให้ขอรับบริการได้เฉพาะทางอิเล็กทรอนิกส์
(DBD e-Service) ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
(www.dbd.go.th) เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน
การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง
และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทลง 50% สำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด
ที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เขตพัฒนาเฉพาะกิจ
(พื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา
จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย
และจังหวัดสตูล) ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ให้ขยายไปสิ้นสุดวันที่
31 ธันวาคม 2566
DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี
2565 ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2566 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 650,959 ราย คิดเป็น 81%
ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงิน โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 647,989 ราย
คิดเป็น 99.5% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 2,970 ราย
คิดเป็น 0.5% กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ภาคธุรกิจ สมาคมการค้า หอการค้าที่ยังไม่ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2565 ให้นำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD
e-Filing) เป็นหลัก เช่นเดียวกับ
การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี
ทั้งนี้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ทุกที่ ทุกเวลา
และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse หรือ
DBD Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทางธุรกิจ
และสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลงบการเงินประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว
โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบ DBD e-Filing จะเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนและสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้ก้าวสู่การค้าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม
e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
ผ่านธนาคาร
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง
และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate)
ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.)
จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง
สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมาย ที่กำหนด
ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ
สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รวมทั้งสิ้น 9 ธนาคาร จำนวน 3,226 สาขา
e-Secured
จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร
ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
(Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ
ผ่าน Application : DBD e-service ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
และผ่านเว็ปไซต์ Biz Portal ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(สพร.) ทั้งนี้ ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2566 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 803,090 คำขอ
มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 16,351,019 ล้านบาท
โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน
สำหรับเดือนตุลาคม
2566 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 6,646 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 105,055
ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจมากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น
บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 77.56 (มูลค่า 81,483 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร
สินค้าคงคลัง คิดเป็นร้อยละ 22.43 (มูลค่า
23,563 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.01 (มูลค่า 9
ล้านบาท) ทั้งนี้ มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 500
คำขอ และจดทะเบียนยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 8,389 คำขอ
โดยมีผู้รับหลักประกัน จำนวนทั้งสิ้น 393 ราย
e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 31 ตุลาคม 2566 มีการยืนยันการใช้งาน (Activated) จำนวน 199,177 ราย รับจดทะเบียน 168,149 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น
ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน
รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration
กรมได้เปิดบริการการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Registration ในสำนักงานพาณิชย์ทั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามแนวนโยบายในการเป็นรัฐบาลดิจิทัล
(Digital Government) และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการยื่นคำขอจดทะเบียนผ่านระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
(e-Registration) ให้มีความคล่องตัวและสะดวกยิ่งขึ้น
DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)
กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ
จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
(DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect
อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงินในรูปแบบ XBRL
ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD
e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้อง กรอกข้อมูลงบการเงินซ้ำ
การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs) และ e-Accounting for SMEs
Total Solution for SMEs เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม
โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย
เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น
Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน
(Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online
(Cloud Accounting)
ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม
นอกจากนี้ กรมฯ
ยังได้แจกฟรี "โปรแกรม e-Accounting for SMEs" ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS)
ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น
มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว
มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น
โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting
for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs
หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android
DBD Data Warehouse
กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย
และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล
ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย
รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้
SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในปี
2566 (ม.ค.-ต.ค.)
มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นจำนวน 33,650,597 ครั้ง
#SuperDBD
****************************
ที่มา
: กองข้อมูลธุรกิจ
ฉบับที่
161 /วันที่ 23 พฤศจิกายน
2566