กรมพัฒน์ฯ เตือนภัย ระวัง!! มิจฉาชีพ ทำให้หมดสนุกช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลอกให้อัพเดทข้อมูลธุรกิจ หวัง..ดูดเงินเกลี้ยงบัญชี ย้ำอีกรอบ!! กรมฯ ไม่มีนโยบายทักหาภาคธุรกิจหรือประชาชนก่อน ก่อนคลิกลิงก์ใดๆ คิดให้รอบคอบที่สุด
กรมพัฒน์ฯ เตือนภัย ระวัง!!
มิจฉาชีพ ทำให้หมดสนุกช่วงเทศกาลสงกรานต์
หลอกให้อัพเดทข้อมูลธุรกิจ หวัง..ดูดเงินเกลี้ยงบัญชี
ย้ำอีกรอบ!!
กรมฯ ไม่มีนโยบายทักหาภาคธุรกิจหรือประชาชนก่อน ก่อนคลิกลิงก์ใดๆ
คิดให้รอบคอบที่สุด
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตือนภัย!! ระวังมิจฉาชีพทำให้หมดสนุกช่วงเทศกาลสงกรานต์
หลอกให้อัพเดทข้อมูลธุรกิจหรือข้อมูลส่วนบุคคล..หวังดูดเงินในบัญชีจนเกลี้ยง ล่าสุด
มิจฉาชีพพัฒนากลโกงก้าวไปอีกขั้น มีการใช้น้ำเสียง/ข้อมูลธุรกิจเชิงลึกสร้างความน่าเชื่อถือ
หว่านล้อม และอ้างข้อกฎหมายที่มีบทลงโทษหนัก..หวังให้ภาคธุรกิจและประชาชนเกิดความกลัว
และทำตามที่มิจฉาชีพหลอก รู้ตัวอีกทีเงินหมดบัญชี ย้ำอีกรอบ กรมฯ ไม่มีนโยบายทักหาภาคธุรกิจและประชาชนก่อน
ระวัง!! ก่อนให้ข้อมูลหรือคลิกลิงก์ใดๆ
ให้คิดพิจารณาอย่างรอบคอบมากที่สุด เพราะผู้ที่เดือดร้อนไม่ใช่ใคร...ตัวเราเองทั้งสิ้น
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว
แต่อาจมีมิจฉาชีพที่ทำให้ความสนุกที่เกิดขึ้นหมดสิ้นไป โดยใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้หลอกให้ภาคธุรกิจและประชาชนอัพเดทข้อมูลธุรกิจหรือข้อมูลส่วนบุคคลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ
โดยอ้างชื่อและโลโก้หน่วยงานราชการทำให้ดูน่าเชื่อถือ รวมถึง การปลอมแปลงหน้าเว็บไซต์ให้มีรูปแบบคล้ายกับหน้าเว็บไซต์กรมฯ ...ที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานได้มีการออกมาเตือนภัยอย่างต่อเนื่องให้ระวังการให้ข้อมูลหรือคลิกลิงก์ที่ไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน
เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ล่าสุด
มิจฉาชีพได้มีการพัฒนากลโกงที่มีความก้าวหน้าไปอีกขั้น
โดยมีการใช้น้ำเสียง/ข้อมูลธุรกิจเชิงลึกสร้างความน่าเชื่อถือ
เริ่มจากการแนะนำชื่อ-นามสกุล-ตำแหน่ง-ชื่อหน่วยงานราชการ
พร้อมส่งเอกสารข้อมูลธุรกิจเชิงลึกประกอบการหลอกลวง
เมื่อภาคธุรกิจหรือประชาชนหลงเชื่อพูดคุยอย่างต่อเนื่อง
ก็จะมีการหว่านล้อมขอข้อมูลส่วนบุคคล หรือ ให้คลิกลิงก์เพื่ออัพเดทข้อมูลธุรกิจหรือข้อมูลส่วนบุคคล
พร้อมทั้งมีการอ้างข้อกฎหมายที่มีบทลงโทษที่หนักเพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนเกิดความหวาดกลัว
และทำตามที่มิจฉาชีพหลอก รู้ตัวอีกที..เงินที่มีอยู่ในบัญชีถูกโอนออกไปจนหมด
ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนได้รับความเสียหายเป็นอันมาก
อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ขอย้ำกับภาคธุรกิจและประชาชนอีกครั้งว่า กรมฯ ไม่มีนโยบายทักหาภาคธุรกิจและประชาชนก่อน
โดยที่ประชาชนท่านนั้นไม่ได้สอบถามข้อมูลมา รวมถึงให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจด้วยเงิน จึงฝากให้ภาคธุรกิจและประชาชนพึงระวังหากไม่ได้ดำเนินการติดต่อใดๆ
กับกรมฯ แต่ได้รับข้อมูลหรือการติดต่อจากบุคคลในลักษณะดังกล่าวต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อน
อย่าหลงเชื่อหรือกดไฟล์เอกสารที่แนบมาโดยไม่สังเกตความผิดปกติ
และปฏิเสธการให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลอื่น
ปัจจุบันมิจฉาชีพได้มีการพัฒนากลวิธีการหลอกลวงให้แนบเนียนยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเข้าถึงทุกคนอย่างง่ายดาย
และได้แอบอ้างชื่อหน่วยงานราชการมาใช้สร้างความเสียหาย ส่วนใหญ่เป็นการหลอกลวงผ่านช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงแต่ละบุคคล
เช่น โทรศัพท์ อีเมล โซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ปลอม เพื่อล่อลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้โจรกรรม
ซึ่งจะใช้การสร้างสถานการณ์ให้เกิดความหวาดกลัว หรือได้รับผลประโยชน์บางสิ่งจนหลงเชื่อทำตามและบอกข้อมูลส่วนบุคคลไป
ทั้งนี้ ขอให้ภาคธุรกิจและประชาชนระมัดระวังการเปิดรับข้อมูลจากแหล่งที่ไม่มั่นใจ
และรู้ทันกลโกงของมิจฉาชีพ
สามารถสังเกตจากถ้าได้รับอีเมลควรเป็นชื่อที่รู้จักหรือติดต่อไว้เท่านั้น
หากระบุให้คลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์ต้องแน่ใจว่าไม่มีความผิดปกติ
เมื่อนำเมาส์ไปชี้ที่ลิงค์ URL จะต้องมี URL
ที่ตรงกันกับหน่วยงานที่ติดต่อเท่านั้น
อีกทั้ง การเข้าใช้งานในเว็บไซต์ควรพิมพ์ URL โดยตรงจะปลอดภัยกว่าการเข้าใช้งานผ่านลิงก์
กรมฯ ขอให้ภาคธุรกิจและประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการให้ข้อมูลและการคลิกลิงก์ใดๆ
ที่แนบมากับข้อความผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ และขอย้ำอีกครั้งว่า กรมฯ
ไม่มีนโยบายในการติดต่อหาภาคธุรกิจและประชาชนเพื่อให้มีการอัพเดทข้อมูลธุรกิจหรือขอข้อมูลส่วนบุคคลก่อน และเสนอเงินช่วยเหลือ
หากได้รับการติดต่อไปก่อนในลักษณะนี้ ให้สงสัยไว้ว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ ให้พึงระวังมากที่สุด เพราะผู้ที่เดือดร้อนไม่ใช่ใคร...ตัวภาคธุรกิจและประชาชนเองทั้งสิ้น หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดตามโครงการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจด้านต่างๆ
ติดต่อได้ที่ สายด่วน 1570 เว็บไซต์ www.dbd.go.th และ
FB:
DBD Public Relations" อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
#SuperDBD
***********************************
ที่มา : สำนักงานเลขานุการกรม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉบับที่ 66 /
วันที่ 13 เมษายน 2566