3 พันธมิตร ดึงนิสิตจุฬาฯ วางระบบบัญชีให้ 6 วิสาหกิจชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
3 พันธมิตร ดึงนิสิตจุฬาฯ
วางระบบบัญชีให้ 6 วิสาหกิจชุมชน
สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
3 พันธมิตร...กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการเกษตร
และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ร่วม MOU ส่งเสริมการวางระบบบัญชีให้วิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ
พร้อมดึงนิสิตคณะบัญชี จุฬาฯ
ร่วมกันวางระบบบัญชีให้ 6 วิสาหกิจชุมชนนำร่องให้สำเร็จลุล่วงตามกรอบ MOU หวัง!! วิสาหกิจชุมชนนำระบบบัญชีต่อยอดสร้างรายได้เห็นผลเป็นรูปธรรม พร้อมเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จขยายสู่วิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ
นางรวีพรรณ
ช้างเย็นฉ่ำ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า "กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการเกษตร และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งเสริมการวางระบบบัญชีให้แก่วิสาหกิจชุมชน เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม
2565 ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับวิสาหกิจชุมชนไทยด้วยพื้นฐานการจัดทำบัญชีที่ถูกต้อง
และเสริมความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากในทุกภูมิภาคด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้การทำธุรกิจและกฎหมายจากหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญ
โดยแต่ละหน่วยงานมีการแบ่งหน้าที่การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนอย่างชัดเจนเพื่อให้ความร่วมมือดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว
ล่าสุด
3 หน่วยงานได้ร่วมกันคัดเลือกนิสิตสาขาวิชาการบัญชี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 6 ทีม โดย 1 ทีม จะมีพี่เลี้ยง 5 คน
และจะมีที่ปรึกษาซึ่งเป็นอาจารย์ของคณะพาณิชยศาสตร์ฯ จุฬาฯ เชื่อมโยงต่อยอดความร่วมมือกับสำนักงานบัญชีคุณภาพ
บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำ สำนักงานสอบบัญชีขนาดใหญ่ และบริษัทเอกชนชั้นนำด้านบัญชี เพื่อร่วมกันศึกษา ค้นคว้า และวางระบบบัญชีให้แก่วิสาหกิจชุมชนนำร่องอย่างมีแบบแผน
ตอบโจทย์ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ภายใต้แนวคิด Digital Sustainability
Modeling ที่มุ่งขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชนอย่างยั่งยืน
เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และได้ผลลัพธ์สำคัญเป็น 'ต้นแบบ' ของระบบบัญชีสำหรับวิสาหกิจชุมชนที่สามารถนำไปขยายผลต่อยอดให้กับวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศไทยกว่า 82,500
ราย
นอกจากที่วิสาหกิจชุมชนนำร่องทั้ง 6 ราย จะได้รับการวางระบบบัญชีต้นแบบแล้ว
ยังได้รับองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล
ตลอดจนการสนับสนุนด้านอื่นๆ เช่น การตลาดยุคใหม่ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการในภาพรวม สร้างโอกาสทางการค้า
และขยายช่องทางการตลาด เกิดวิสาหกิจชุมชนต้นแบบที่มีการจัดทำบัญชีที่ถูกต้องและมีศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน
เป็นแรงขับเคลื่อนให้กับวิสาหกิจชุมชนรายอื่น และช่วยขยายเครือข่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน
นิสิตที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับวิสาหกิจชุมชนได้นำความรู้ในห้องเรียนมาประยุกต์ใช้จริงปูพื้นฐานก่อนลงสนามวิชาชีพบัญชีในอนาคต โดยมีโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปเป็นเครื่องมือ
และต่อยอดองค์ความรู้ตลอดการปฏิบัติงานเพื่อวางระบบบัญชีให้แก่วิสาหกิจชุมชน
วิสาหกิจชุมชนนำร่องทั้ง
6 ราย ประกอบด้วย *ภาคใต้ :
วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมกระจูดวรรณี จังหวัดพัทลุง *ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ :
วิสาหกิจชุมชนผ้าไหมมัดหมี่บ้านหัวฝาย จังหวัดขอนแก่น *ภาคกลาง :
วิสาหกิจชุมชนรังไหมประดิษฐ์
จังหวัดสระบุรี *ภาคตะวันตก : วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนตำบลไร่มะขาม
จังหวัดเพชรบุรี *ภาคตะวันออก : วิสาหกิจชุมชนมังคุดแปลงใหญ่คิชฌกูฏ
จังหวัดจันทบุรี และ *ภาคเหนือ : วิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชผักสมุนไพรและผลไม้
จังหวัดลำพูน และในระยะแรกนี้ ทั้ง 3 หน่วยงาน มีกำหนดลงพื้นที่
วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมกระจูดวรรณี จังหวัดพัทลุง
และวิสาหกิจชุมชนผ้าไหมมัดหมี่บ้านหัวฝาย จังหวัดขอนแก่น ในระหว่างเดือนมีนาคม -
เมษายน 2566
ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการอนุมัติจดทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
จำนวน 82,500 รายทั่วประเทศไทย ในจำนวนนี้เป็นนิติบุคคล
1,300 ราย ทุนจดทะเบียนรวมกันกว่า 650 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งการผลิตสินค้าในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์
เช่น อาหาร ของใช้ และสมุนไพร และการให้บริการ เช่น การท่องเที่ยว และสุขภาพ
เป็นต้น" รองอธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
#SuperDBD
****************************************
ที่มา : กองกำกับบัญชีธุรกิจ ฉบับที่ 40 / วันที่ 9 มีนาคม 2566