การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนธันวาคม 2565 และปี 2565 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนธันวาคม 2565 และปี 2565

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนธันวาคม 2565 และปี 2565  โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  ผลการจดทะเบียนธุรกิจ

ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนธันวาคม 2565

         - จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่  มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ ในเดือนธันวาคม 2565 จำนวน 4,008 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 21,215.60 ล้านบาท

     - ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 352 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 318 ราย คิดเป็น 8% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจในภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 201 ราย คิดเป็น 5% ตามลำดับ

          - ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน  โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 2,379 ราย คิดเป็น 59.36% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,526 ราย คิดเป็น 38.07% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 86 ราย คิดเป็น 2.15% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 17 ราย คิดเป็น 0.42% ตามลำดับ

    ธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 2565

      - จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศปี 2565 จำนวน 76,488 ราย เมื่อเทียบกับปี 2564 จำนวน 72,958 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 3,530 ราย คิดเป็น 5% และเมื่อเทียบปี 2563 จำนวน 63,340 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 13,148 ราย คิดเป็น 21%

    ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 7,061 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 4,833 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจในภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 3,014 ราย คิดเป็น 4% ตามลำดับ

     มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ในปี 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 429,828.81 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2564 จำนวน 229,808.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 200,020.30 ล้านบาท คิดเป็น 87.04% และเมื่อเทียบกับปี 2563 จำนวน 235,278.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 194,550.08 ล้านบาท คิดเป็น 82.69%

   ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่     ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 52,674 ราย คิดเป็น 68.84% รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 22,583 ราย คิดเป็น 29.52% รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 1,014 ราย คิดเป็น 1.33% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 217 ราย คิดเป็น 0.28% 

  

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนธันวาคม 2565

          - จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนธันวาคม 2565 มีจำนวน 5,784 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 22,069.76 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 

      - ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 514 ราย  คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 241 ราย คิดเป็น 4% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 167 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ

     ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 4,125 ราย คิดเป็น 71.32% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 1,407 ราย คิดเป็น 24.33% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 234 ราย คิดเป็น 4.04% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 18 ราย คิดเป็น 0.31% ตามลำดับ

 

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการปี 2565

       - จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำปี 2565 มีจำนวน 21,880 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 127,048.39 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 

    - ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 2,012 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,023 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 623 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ

        - ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน  โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 15,649 ราย คิดเป็น 71.52% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5  ล้านบาท จำนวน 5,200 ราย คิดเป็น 23.77% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 916 ราย คิดเป็น 4.19% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 115 ราย คิดเป็น 0.53% ตามลำดับ 

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนธันวาคม 2565

      - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น  (ณ วันที่ 31 ธ.ค. 65) ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 850,480 ราย มูลค่าทุน 21.19 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 200,437 ราย คิดเป็น 23.57% บริษัทจำกัด จำนวน 648,661 ราย คิดเป็น 76.27% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,382 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ

            - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน  ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 499,669 ราย คิดเป็น 58.75% รวมมูลค่าทุน 0.44 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.07% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 257,061 ราย คิดเป็น 30.22% รวมมูลค่าทุน 0.88 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.13% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 76,340 ราย คิดเป็น 8.98% รวมมูลค่าทุน 2.10 ล้านล้านบาท คิดเป็น 9.89และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 17,410 ราย คิดเป็น 2.05% รวมมูลค่าทุน 17.78 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.91% ตามลำดับ

 

 การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว

เดือนธันวาคม 2565

- เดือนธันวาคม 2565  มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 53 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน 20 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 33 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 16,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 170% จากเดือนพฤศจิกายน 2565 (เพิ่มขึ้น 10,279 ล้านบาท)

- นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 14 ราย เงินลงทุน 515 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 13 ราย เงินลงทุน 3,894 ล้านบาท และจีน จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 629 ล้านบาท ตามลำดับ

 

ปี 2565 (มกราคม - ธันวาคม)

เดือนมกราคม - ธันวาคม 2565  คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน จำนวน 583 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 128,774 ล้านบาท

 

*******************************

 

 

การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดือนธันวาคม 2565

           กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ... การอำนวยความสะดวก   เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนางานบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และประกาศกรมเรื่องการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา              

การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์  

     กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์  โดยในปี 2565 (.. - ..)  มีจำนวนขอรับข้อมูล 3,645,950 ราย ซึ่งผ่านช่องทาง Self Pick up มีจำนวน 1,748,892 ราย , EMS จำนวน 422,366 ราย , Delivery จำนวน 29,222 ราย และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate File) จำนวน 1,445,470รายและรองรับการให้บริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจขชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ iOS

          การให้บริการขอหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส่วนกลาง) และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 ให้ขอรับบริการได้เฉพาะทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Service) ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) มาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563

           กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทลง 50% สำหรับ ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เขตพัฒนาเฉพาะกิจ (พื้นที่จังหวัดนราธิวาสจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ให้ขยายไปสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.. 2566

DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ 

           การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2564 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 624,40ราย คิดเป็น 82% ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงิน โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 620,932 ราย คิดเป็น 99% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 3,468 ราย คิดเป็น 1% กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ภาคธุรกิจ สมาคมการค้า หอการค้า ที่ยังไม่ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2564 ให้นำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) เป็นหลัก เช่นเดียวกับ การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี ทั้งนี้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse หรือ DBD Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทางธุรกิจ และสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลงบการเงินประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบ DBD e-Filing จะเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนและสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้ก้าวสู่การค้าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม

e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรม ที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมาย ที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รวมทั้งสิ้น 9 ธนาคาร จำนวน 3,225 สาขา

e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์    

          กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ผ่านเว็ปไซต์ www.dbd.go.th และ Application : DBD e-service  ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผ่านเว็ปไซต์ Biz Portal ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) ทั้งนี้ ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 737,253 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 14,513,240 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน

           สำหรับเดือนธันวาคม 2565 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 5,810 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 221,909 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 81.83 (มูลค่า 181,582 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่นเครื่องจักร สินค้าคงคลัง คิดเป็นร้อยละ 18.17 (มูลค่า 40,320 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.003 (มูลค่า 7 ล้านบาท) ทั้งนี้ มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 501 คำขอ และจดทะเบียนยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 4,739 คำขอ  โดยมีผู้รับหลักประกัน จำนวนทั้งสิ้น 376 ราย

e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์  

           การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 31 ธันวาคม 2565 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 160,539 ราย รับจดทะเบียน จำนวน 105,257 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ   e-Registration

           นอกจากนั้นในวันที่ 4 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา กรมได้เปิดบริการการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Registration ในสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี เชียงใหม่ ชลบุรี สุราษฎร์ธานี อุดรธานี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และนิติบุคคลที่มีสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในจังหวัดนั้น

DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)

          กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงิน ในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้องกรอกข้อมูลงบการเงินซ้ำ

การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs)  และ e-Accounting for SMEs

          Total Solution for SMEs เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรม  ได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม  

          นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี "โปรแกรม e-Accounting for SMEs" ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น  มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว , มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android

DBD Data Warehouse                                                 

     กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคลข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงินข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุน การตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในเดือนธันวาคม 2565 มีผู้ใช้บริการจำนวนทั้งสิ้น 264,000 ครั้ง และในปี 2565 (มกราคม - ธันวาคม) มีจำนวนผู้ใช้งานสะสม 11,874,444 ราย

 

****************************

 

ที่มา : กองข้อมูลธุรกิจ                                                                        ฉบับที่ 10  /วันที่ 25 มกราคม 2566