"นภินทร" ขนทัพ ผู้ประกอบการสมุนไพรไทย ร่วมงาน 'THAIFEX - ANUGA ASIA 2024' ชูแนวคิด 'Think Wellness Think Thai Herb'
"นภินทร" ขนทัพ ผู้ประกอบการสมุนไพรไทย ร่วมงาน 'THAIFEX - ANUGA ASIA 2024'
ชูแนวคิด 'Think Wellness Think Thai Herb'
ดัน
สมุนไพร เป็น "อาหารแห่งอนาคต" ในตลาดทั้งในต่างประเทศ
นายนภินทร รมช.พณ.
เยี่ยมบูธผู้ประกอบการสมุนไพรไทย ภายในงาน 'THAIFEX - ANUGA ASIA 2024' ชูแนวคิด 'Think Wellness Think Thai Herb' คิดถึงสุขภาพ
คิดถึงสมุนไพรไทย โชว์สรรพคุณผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย 'อาหารแห่งอนาคต' เจาะตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมส่งเสริมผู้ประกอบการสมุนไพรสู่เวทีการค้าโลก
ผลักดันไทยเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สมุนไพรในภูมิภาคเพื่อสุขภาพที่ได้มาตรฐาน
ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หันมาบริโภคสมุนไพรควบคู่อาหารและเครื่องดื่ม
เมื่อวันที่
28 พ.ค. 2567 เวลา 16.00 น. นายนภินทร ศรีสรรพางค์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเข้าร่วมพิธีเปิด 'งานแสดงสินค้าอาหาร 2567 : THAIFEX - ANUGA ASIA 2024' ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่า "โอกาสนี้
ตนได้เยี่ยมชมพร้อมให้กำลังใจผู้ประกอบการสมุนไพรไทย 20 ราย ณ โซน SMART
Local Herb ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้พามาร่วมออกงาน THAIFEXเพื่อเชื่อมโยงและขยายช่องทางการตลาดสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น
พร้อมชูแนวคิด 'Think Wellness Think Thai Herb' คิดถึงสุขภาพ
คิดถึงสมุนไพรไทย สนับสนุนการตลาดสมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จัก และใช้เป็น Gimmic
Highlight ในการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในตลาดต่างประเทศ
เพื่อสร้างการจดจำและสร้างแรงจูงใจในการเลือกสมุนไพรไทยเป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี"
นายนภินทรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า "สมุนไพรไทยมีจุดเด่นและอัตลักษณ์ที่มีคุณค่าที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทย เป็นวัตถุดิบมีคุณภาพ มีมาตรฐานการผลิต เมื่อนำนวัตกรรมที่สามารถต่อยอดทำให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรมีความหลากหลาย ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งขยายผลการดำเนินงานด้านการตลาดเชิงรุก โดยให้ชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์สมุนไพรควบคู่กับอาหารและเครื่องดื่มของไทย เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้รักสุขภาพ และผู้ออกกำลังกาย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญและสนใจบริโภคผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร พร้อมทั้งผลักดันให้สมุนไพรไทยพัฒนาเป็น 'อาหารแห่งอนาคต' เพื่อขยายตลาดสมุนไพรให้เป็นที่รู้จักและผลักดันสู่ตลาดโลก และเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยการนำสมุนไพรไทยดัดแปลงให้เป็นอาหารและเครื่องดื่มที่กินง่ายดื่มง่าย ตอบโจทย์ผู้ที่ไม่ชอบกินยาแต่ต้องการความแข็งแรง เป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่มีประโยชน์ต่อการดูแลรักษาสุขภาพและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน"
นอกจากนี้ รมช.พณ.นภินทรฯ
ยังได้ชมการสาธิตทำอาหารและเครื่องดื่มจากสุมนไพร
โดยใช้วัตถุดิบของผู้ประกอบการที่ร่วมออกงานฯ มาเป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่ม
และการใช้สมุนไพรแทนส่วนประกอบทดแทน เช่น การใช้ Plant-Based
Meat แทนเนื้อสัตว์ การใช้น้ำนมงานแทนกะปิในขนมจีนน้ำยาใต้
และเครื่องดื่มสมุนไพร
เพื่อเปิดมุมมองและเปิดตลาดให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทย
เป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่า
ภาคธุรกิจด้านสมุนไพรของไทยมีศักยภาพสูงและมีความพร้อมที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางตลาดสมุนไพรทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
โดยมีภาครัฐให้การส่งเสริมสนับสนุน ทั้งนี้ รมช.พณ. นายนภินทรฯ
ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการกลุ่มสมุนไพรอย่างใกล้ชิด
และอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น
และเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าประสงค์ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดไว้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2563 - 2565
มูลค่าส่งออกพืชสมุนไพรของไทยมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นแตะ 400 ล้านบาท และปี
2566 มูลค่าส่งออกสูงถึง 475.08 ล้านบาท ขณะที่ มูลค่าส่งออกสารสกัดจากสมุนไพร
มีแนวโน้มการขยายตัวในทิศทางเดียวกับมูลค่าส่งออกพืชสมุนไพร โดยปี 2566
มีมูลค่าส่งออกสารสกัดจากสมุนไพร จำนวน 379.80 ล้านบาท โดยตลาดส่งออกพืชสมุนไพร 5
อันดับแรกของไทย ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น คูเวต ไต้หวัน และบังกลาเทศ ตามลำดับ
และตลาดส่งออกสารสกัดจากสมุนไพร 5 อันดับแรกของไทย ได้แก่ เมียนมา จีน
สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย ตามลำดับ
#SuperDBD
#กระทรวงพาณิชย์
****************************************
ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉบับที่ 99 /วันที่ 29 พฤษภาคม 2567