4 เดือนแรกปี 2567 ต่างชาติขนเงินลงทุนเข้าไทย 54,958 ล้านบาท ญี่ปุ่นครองตำแหน่งลงทุนอันดับหนึ่ง
4 เดือนแรกปี 2567 ต่างชาติขนเงินลงทุนเข้าไทย 54,958 ล้านบาท
ญี่ปุ่นครองตำแหน่งลงทุนอันดับหนึ่ง
34,055 ล้านบาท ตามด้วยสิงคโปร์ 4,499 ล้านบาท
และจีน 4,031
ล้านบาท สร้างงานให้คนไทยกว่า 1,019 คน
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เผยสถิตินักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรอบ 4 เดือนของปี 2567 (มกราคม-เมษายน)
พุ่งสูง อนุญาตให้คนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 253 ราย
เงินลงทุนสะพัดกว่า 54,958
ล้านบาท สร้างการจ้างงานคนไทยถึง 1,019 คน ญี่ปุ่นครองแชมป์เข้ามาลงทุนอันดับ
1 รองลงมา สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา จีน
และฮ่องกง ด้านการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC จำนวน 77 ราย มูลค่าการลงทุนจำนวน 14,033 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นางอรมน
ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงสี่เดือนแรกของปี
2567 (มกราคม-เมษายน) อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
พ.ศ. 2542 จำนวน 253 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 69 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
(ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ)
จำนวน 184 ราย เกิดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น
54,958 ล้านบาท ส่งผลดีต่อการจ้างงานคนไทยถึง 1,019 คน สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุน
5 อันดับแรก ได้แก่
1. ญี่ปุ่น 63 ราย คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย
เงินลงทุน 34,055 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจโฆษณา
- ธุรกิจบริการตรวจสอบคุณภาพชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- ธุรกิจบริการชุบเคลือบผิวด้วยโลหะ
- ธุรกิจบริการพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์ตามความต้องการของลูกค้า
เช่น แอนิเมชัน เป็นต้น
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนอลูมิเนียมทุบขึ้นรูป/
ชิ้นส่วนรถยนต์/ ชิ้นส่วนโลหะ)
2. สิงคโปร์ 42 ราย คิดเป็นร้อยละ 17 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน
4,499 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น
การให้คำปรึกษาแนะนำในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
การให้บริการติดตั้งเครื่องจักร และการแก้ไขปัญหา เพื่อลดการขัดข้องของเครื่องจักร
เป็นต้น
-
ธุรกิจบริการติดตั้ง ซ่อมแซม
บำรุงรักษาเครื่องชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์
- ธุรกิจบริการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง
ประเภทไม่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (แม่พิมพ์และอุปกรณ์จับยึด/ ชิ้นส่วนยานพาหนะ/
ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ)
3. สหรัฐอเมริกา 41 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน
1,148 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (อาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูป/ เครื่องจักรที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม/
เครื่องมือช่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์)
- ธุรกิจโฆษณา
- ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาและแนะนำในการประกอบธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น
การวางแผนทางธุรกิจการให้คำปรึกษาทางการเงิน
และการให้คำปรึกษาทางการตลาด เป็นต้น
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (พวงมาลัยรถยนต์
/ DRUM
BRAKE ASSEMBLY)
4. จีน 29 ราย คิดเป็นร้อยละ
11 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 4,031 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการที่ให้แก่บริษัทในเครือ หรือบริษัทในกลุ่ม (บริการให้เช่าพื้นที่อาคารโรงงาน)
- ธุรกิจบริการตัดโลหะ (Coil Center)
- ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล เช่น การรับฝาก
การซื้อขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า
(ชุดพัดลมระบายความร้อนสำหรับรถยนต์/ หลอดไฟแบบ LED/ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม)
- ธุรกิจบริการให้ใช้ช่วงสิทธิแฟรนไชส์ (Franchising) เพื่อประกอบธุรกิจการขายอาหารและเครื่องดื่ม
5. ฮ่องกง 17 ราย คิดเป็นร้อยละ
7 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,650 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (เครื่องฉีดขึ้นรูป/ ฟิล์มไวแสง)
- ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย
- ธุรกิจบริการออกแบบทางวิศวกรรม ก่อสร้าง
ติดตั้ง ทดสอบการใช้งานระบบ การซ่อมแซม บำรุงรักษาแผงโซล่าเซลล์และอุปกรณ์ต่างๆ
เกี่ยวกับระบบผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า
(อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์/ ชิ้นส่วนประกอบที่ทำจากอลูมิเนียม / แม่พิมพ์)
- ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์
เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
อย่างไรก็ดี
อุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยดังที่กล่าวไปข้างต้น
ได้สร้างประโยชน์ให้เกิดกับประเทศไทยจะเกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย
สร้างทักษะการทำงานขั้นสูงให้กับแรงงานไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมในการออกแบบระบบโซล่าร์ขั้นสูง
องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีติดตามยานพาหนะ องค์ความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษาสถานีอัดประจุไฟฟ้าองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเครื่องจักรและอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
เป็นต้น
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนพบว่า
การอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี
2566 จำนวน 36 ราย คิดเป็นร้อยละ 17 (ม.ค.-เม.ย.67 อนุญาต 253 ราย /ม.ค.-เม.ย.66 อนุญาต 217 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 16,256
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42 (ม.ค.-เม.ย.67 ลงทุน
54,958 ล้านบาท/ ม.ค.-เม.ย.66 ลงทุน 38,702 ล้านบาท) ในขณะที่มีการจ้างงานคนไทยลดลง
1,400 ราย คิดเป็นร้อยละ 58 (ม.ค.-เม.ย.67 จ้างงาน
1,019 คน/ ม.ค.-เม.ย.66 จ้างงาน 2,419 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน
อธิบดี กล่าวต่อว่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(Eastern
Economic Corridor: EEC) ของนักลงทุนต่างชาติ ช่วงสี่เดือนแรกของปี
2567
มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 77 ราย คิดเป็น 30% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย
เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 34 ราย
หรือเพิ่มขึ้น 79% (ม.ค.-เม.ย.67 ลงทุน 77 ราย/ ม.ค.-เม.ย.66
ลงทุน 43 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 14,033 ล้านบาท คิดเป็น 26% ของเงินลงทุนทั้งหมด
เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 6,512 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 87% (ม.ค.-เม.ย.67 เงินลงทุน 14,033 ล้านบาท/ ม.ค.-เม.ย.66
เงินลงทุน 7,521 ล้านบาท เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น
20 ราย เงินลงทุน 2,002 ล้านบาท จีน 14 ราย เงินลงทุน 980 ล้านบาท สิงคโปร์ 9 ราย เงินลงทุน 1,018 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 34
ราย เงินลงทุน 10,033 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุนในพื้นที่ EEC อาทิ
1. ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิคเช่น
ให้คำแนะนำในการติดตั้งระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องจักร
ให้คำปรึกษา
และแนะนำเชิงเทคนิคเพื่อวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดเหตุขัดข้องจากการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์
เป็นต้น
2. ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนยานพาหนะไฟฟ้า
3. ธุรกิจบริการซ่อมแซมหินเจียร
ใบหินตัด ใบเลื่อย เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีส่วนประกอบทำด้วยเพชร
4. ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูปทางด้านภาพ
เสียงระบบนำร่อง และชิ้นส่วน/ แม่พิมพ์ ชิ้นส่วนแม่พิมพ์ และชิ้นส่วนโลหะปั๊มขึ้นรูป/ อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์)
5.
ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์
ซึ่งเป็นการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่ายและ/หรือให้บริการ เช่น
ซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เป็นต้น
#SuperDBD
#กระทรวงพาณิชย์
****************************************
ที่มา : กองบริหารการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉบับที่
92 / วันที่ 18 พฤษภาคม 2567