อธิบดีอรมน จับมือ ผู้ว่าฯ พาตีเมาะ นำเทรดเดอร์/บายเออร์ รายใหญ่จากส่วนกลาง เจรจาธุรกิจ กับผู้ประกอบการกลุ่มสตรี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
อธิบดีอรมน จับมือ ผู้ว่าฯ พาตีเมาะ
นำเทรดเดอร์/บายเออร์ รายใหญ่จากส่วนกลาง เจรจาธุรกิจ
กับผู้ประกอบการกลุ่มสตรี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ประกอบการชุมชน จ.พัทลุง จ.สงขลา
ผลเจรจาธุรกิจชื่นมื่น
ปิดดีลสินค้าพื้นถิ่น 5 จังหวัด กว่า 110 รายการ มูลค่ารวมกว่า 15 ล้านบาท
กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
จับมือ จังหวัดปัตตานี เปิดเวทีเจรจาธุรกิจนำสินค้าพื้นถิ่น ของผู้ประกอบการกลุ่มสตรี
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ประกอบการสินค้าชุมชน จ.พัทลุง จ.สงขลา ขึ้นห้างยักษ์ใหญ่กลางกรุง อวดโฉมให้ชาวต่างชาติตะลึงถึงความมีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่เป็นหนึ่งเดียว
เทรดเดอร์/บายเออร์จากส่วนกลางบินตรงเจรจาธุรกิจกับกลุ่มผู้ประกอบการฯ ผลเจรจาสุดชื่นมื่น ปิดดีลสินค้าพื้นถิ่น 5 จังหวัด
กว่า 110 รายการ 68 คู่เจรจา มูลค่ารวมกว่า 15
ล้านบาท หมายมั่นชาวต่างชาติหรือแม้แต่ชาวไทยชื่นชอบสินค้าท้องถิ่น
เขยิบไปอีกขั้น...2 หน่วยงานเตรียมนำความสำเร็จที่ได้รับ..ปั้นเป็น 'ปัตตานีโมเดล' ขยายโอกาสทางการค้าไปอีก 2 จังหวัดชายแดนภาคใต้ : ยะลาและนราธิวาส เชื่อ!! 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีศักยภาพสูง พร้อมต้อนรับนักธุรกิจขยายการลงทุนในพื้นที่
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "กระทรวงพาณิชย์ โดย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมมือกับ จังหวัดปัตตานี
จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างเทรดเดอร์/บายเออร์รายใหญ่ของประเทศไทย กับ ผู้ประกอบการสินค้าชุมชนกลุ่มสตรี 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ประกอบการสินค้าชุมชน จ.พัทลุง จ.สงขลา เมื่อวันที่ 2
มีนาคม 2567 ณ โรงแรม ซี.เอส. จ.ปัตตานี โดยมีเทรดเดอร์/บายเออร์ 5 ราย ได้แก่
บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด บริษัท คิง
เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท
เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด และ สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย บินตรงจากส่วนกลางเข้าร่วมเวทีเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการชุมชน
กว่า 45 ราย จาก 5 จังหวัด เพื่อนำผลิตภัณฑ์ชุมชนจากแดนใต้จำหน่ายในศูนย์การค้าฯ
และร้านค้าต่างๆ ของเทรดเดอร์และบายเออร์ที่เข้าร่วมเจรจาธุรกิจ
ภายในงานดังกล่าว ผู้ประกอบการฯ
ได้นำผลิตภัณฑ์มาจัดแสดง (Display) โดยบางรายมีการสาธิตกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์
เพื่อให้เทรดเดอร์/บายเออร์ได้เห็นรายละเอียดขั้นตอนการผลิต หลังจากนั้น มีการเจรจาธุรกิจ
โดยระหว่างการเจรจาธุรกิจ เทรดเดอร์/บายเออร์ได้ให้คำปรึกษาแนะนำถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์และแพ็คเกจจิ้งเพื่อให้ดึงดูดความน่าสนใจผู้บริโภค
ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นขึ้นด้วย ซึ่งผู้ประกอบการฯ
จะได้รับความรู้/รับฟังข้อเสนอแนะที่ดี ก่อนนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด นอกจากนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าจำหน่ายภายในศูนย์การค้าฯ
และร้านค้าต่างๆ ยังถือเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมชุมชนให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมส่งเสริมและผลักดันให้เป็น 'ซอฟต์พาวเวอร์' ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์
แสดงถึงความมีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่เป็นหนึ่งเดียว ตลอดจนสร้างรายได้ที่มั่นคงแก่ผู้ประกอบการชุมชนระยะยาว
ทั้งนี้ ผลการเจรจาธุรกิจประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ภายในวันเดียวสามารถปิดดีลการเจรจาได้ถึง 68 คู่ สินค้าชุมชนรวม 110
รายการ สร้างมูลค่าการค้ากว่า 15 ล้านบาท โดยมียอดขายภายในงานทันที 649,000 บาท ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจจากเทรดเดอร์/บายเออร์ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) ผ้าบาติกพิมพ์มือผสมลายเขียนมือ 2) กรือโปะ
(ข้าวเกรียบปลา) 3) ทุเรียนเคี้ยวหนึบ 4) เครื่องจักรสานจากกระจูด และ 5)สมุนไพรแปรรูปเวชสำอาง
ซึ่งทั้ง 5 ผลิตภัณฑ์ เป็นสินค้าชุมชนที่เป็นไฮไลท์ของแต่ละพื้นที่
และคาดว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย เป็นการสร้างโอกาสทางการค้าให้ผู้ประกอบการสินค้าชุมชนได้ขยายตลาดให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น
และเป็นการกระตุ้นตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนของไทยอย่างต่อเนื่อง
ลำดับถัดไป กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
และ จังหวัดปัตตานี เตรียมนำความสำเร็จที่ได้รับไปจัดทำเป็น 'ปัตตานีโมเดล' ขยายโอกาสทางการค้าไปอีก 2 จังหวัดชายแดนใต้ คือ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ทั้งนี้
เชื่อมั่นว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีศักยภาพสูง
มีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ครบครัน เป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจ
ปัตตานีจึงเป็นจังหวัดที่มีความน่าสนใจและเหมาะกับการที่นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจะขยายการลงทุนเข้ามาในพื้นที่" อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ณ วันที่ 31
ธันวาคม 2565 ประเทศไทยมี MSME จำนวนทั้งสิ้น 3,187,378 ราย
โดยเป็นผู้ประกอบการภาคใต้ชายแดน จำนวน 68,205 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ
2 ของจำนวน MSME
ทั้งหมดของประเทศ และมีสัดส่วนมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมคิดเป็นร้อยละ 2 ของ GDP MSME หรือร้อยละ 0.8
ของ GDP ทั้งประเทศ
#SuperDBD
#กระทรวงพาณิชย์
********************************
ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉบับที่ 35 /
วันที่ 2 มีนาคม 2567