ปฏิรูป! 3 บริการ ติดสปีด...ให้ผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจได้เร็วขึ้น สร้างศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
ปฏิรูป! 3 บริการ ติดสปีด...ให้ผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจได้เร็วขึ้น
สร้างศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พัฒนา 3 งานบริการด้านการเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย ได้แก่ รวมขั้นตอนจดทะเบียนจาก 3 ขั้นตอนเหลือ 1, การจองชื่อด้วยระบบ AI และ พัฒนาระบบ e-Registration ช่วยลดเวลา ขั้นตอน และค่าใช้จ่าย ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการได้รับความสะดวก รวดเร็ว เสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ และทำให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับความยาก-ง่ายในด้านการเริ่มต้นธุรกิจ หรือ Ease of Doing Business ที่ดียิ่งขึ้น
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า จากรายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก หรือ Ease of Doing Business ปี 2020 ในส่วนของการเริ่มต้นธุรกิจ (Starting a Business) ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นเจ้าภาพหลักนั้น ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 47 จาก 190 ประเทศ โดยระบุตัวชี้วัดเป็นขั้นตอนและระยะเวลาการเริ่มต้นธุรกิจใน 5 ขั้นตอน ใช้เวลา 6 วัน ได้แก่ 1) การจองชื่อบริษัท 2 วัน 2) การชำระเงินทุนเข้าธนาคาร 1 วัน 3) การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 1 วัน 4) การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 1 วัน และ 5) การขึ้นทะเบียนนายจ้าง-ลูกจ้าง 1 วัน
อธิบดี
กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในรอบปี 2563-2564 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เร่งปฏิรูปการให้บริการหลายด้านเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจภายในประเทศ
ได้แก่ การรวมขั้นตอน ที่ร่วมมือกับกรมสรรพากร
และสำนักงานประกันสังคม บูรณาการ 3 ขั้นตอนคือ การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ การขึ้นทะเบียนประกันสังคม
และการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้สามารถดำเนินการได้ภายในขั้นตอนเดียว เบ็ดเสร็จ
ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งช่วยลดขั้นตอนในการเริ่มต้นธุรกิจ จาก 3 ขั้นตอน เหลือ
1 ขั้นตอน และลดระยะเวลาจาก 3 วัน เหลือ 1 วัน นอกจากนี้
ยังได้ปรับปรุงประสิทธิภาพ การจองชื่อนิติบุคคล โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
(Artificial
Intelligence: AI) มาให้บริการ ซึ่งส่งผลให้การให้บริการดังกล่าวมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ผู้ประกอบการสามารถทราบผลการจองชื่อได้ทันที โดยไม่ต้องรอผลการพิจารณาของเจ้าหน้าที่อีก"
"สำหรับด้านการนำเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนธุรกิจ กรมฯ ได้ พัฒนาระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ให้ใช้งานง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้ระบบฯ มากขึ้นสอดรับกับนโยบายสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยเปิดให้ผู้ประกอบการสามารถยืนยันตัวตนผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ลดการเดินทางมายังหน่วยให้บริการ อีกทั้งยังปรับปรุงแบบฟอร์มการกรอกให้ง่ายขึ้น ลดระยะเวลาในการดำเนินการ รวมไปถึงเปิดช่องทางให้ผู้แทนสามารถจัดทำและยื่นคำขอจดทะเบียนแทนผู้ที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลผ่านระบบ e-Registration ได้ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถศึกษาคู่มือและวิดีโอแนะนำการใช้งานระบบ e-Registration ผ่านทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th และช่องทางการสื่อสารต่างๆ ของกรมฯ นอกจากนี้ ยังขยายระยะเวลาและเพิ่มส่วนลดอัตราค่าธรรมเนียมให้แก่ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration จากเดิมลดที่ร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 50 คงระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึง 31 ธันวาคม 2566"
"การพัฒนาดังกล่าวจะช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการเริ่มต้นธุรกิจทำให้ผู้ประกอบการได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ บรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ช่วยยกระดับงานให้บริการของส่วนราชการแบบบูรณาการ ส่งเสริมบรรยากาศและสภาพแวดล้อม ในการเริ่มต้นธุรกิจให้เป็นไปในทางที่ดี ก่อให้เกิดแรงจูงใจ และช่วยดึงดูดให้ผู้ประกอบการชาวต่างชาติมาเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย ส่งผลต่อการจัดอันดับ Ease of Doing Business ในปี 2021 ของไทยที่ดียิ่งขึ้น อันจะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนชาวต่างชาติ และการค้าการลงทุนและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมให้ก้าวหน้ามั่นคง ยั่งยืน และมีเสถียรภาพต่อไป" อธิบดี กล่าวทิ้งท้าย
#PoweredByDBD
***********************************************
ที่มา : กองทะเบียนธุรกิจ ฉบับที่ 93 / วันที่ 30 เมษายน 2564