ม.ค.63 มีการอนุญาตให้ต่างชาติลงทุนภายใต้ พรบ.ต่างด้าวในไทย 25 ราย

ม.ค.63 มีการอนุญาตให้ต่างชาติลงทุนภายใต้ พรบ.ต่างด้าวในไทย 25 ราย
 มีเงินลงทุนที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ 912 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 260 คน
 
              นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมการฯ เมื่อวันพุธที่ 22 มกราคม 2563 คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างชาติลงทุนภายใต้ พรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 25 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเยอรมนี ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 912 ล้านบาท และส่งเสริม ให้เกิดการจ้างงานคนไทย 260 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน
 
          การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในกระบวนการขุดลอกร่องน้ำและแอ่งจอดเรือ องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบกันสั่นสะเทือนสำหรับรถจักรยานยนต์ องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ Cargowise เพื่อการจัดการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการขึ้นรูป การอบร้อน และการพ่นชุบเคลือบสีของชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการให้บริการโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
 
                สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่
 
     1. ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม จำนวน 14 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น เยอรมนี และสก๊อตแลนด์ มีเงินลงทุนจำนวน 678 ล้านบาท อาทิ
 
              บริการรับจองระวางเรือหรือระวางเครื่องบินสำหรับการขนส่งระหว่างประเทศทางทะเลและ ทางอากาศ
 
              บริการฝึกอบรมวิธีการซ่อมแซม การบำรุงรักษารถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่
 
              บริการให้คำปรึกษา แนะนำและบริหารจัดการงานด้านการตลาด ด้านธุรการ ด้านทรัพยากรบุคคล ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านการตรวจสอบควบคุมภายใน
 
               กิจการตัวแทนในการจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า
 
     2. ธุรกิจค้าปลีก/ค้าส่ง จำนวน 4 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง และอินโดนีเซีย มีเงินลงทุนจำนวน 35 ล้านบาท ได้แก่
 
               การค้าปลีกอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
 
               การค้าส่งรองเท้ากีฬาและรองเท้าผ้าใบ
 
               การค้าส่งชิ้นส่วนของระบบกันสะเทือน (Damper) สำหรับรถจักรยานยนต์
 
               การค้าส่งไอศกรีม โยเกิร์ต และผลิตภัณฑ์นม
 
     3. คู่สัญญากับเอกชน จำนวน 2 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ และเบลเยี่ยม มีเงินลงทุนจำนวน 161 ล้านบาท ได้แก่
 
               บริการจัดหา ก่อสร้าง และติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับการก่อสร้างโรงแรม
 
               บริการขุดลอกบำรุงรักษาร่องน้ำและแอ่งจอดเรือที่บริเวณท่าเทียบเรือ
 
    4. ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 5 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง และสิงคโปร์ มีเงินลงทุนจำนวน 38 ล้านบาท อาทิ
 
              บริการให้คำปรึกษาแนะนำทางวิศวกรรม บำรุงรักษา ซ่อมแซม รวมทั้งการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์
 
             บริการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ·บริการให้เช่าพื้นที่อาคารโรงงาน อาคารสำนักงานและอาคารเก็บสินค้าบางส่วน รวมทั้งห้องปฏิบัติการที่ใช้สำหรับทดสอบสีและเคมีภัณฑ์
 
            บริการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง และบริการอินเทอร์เน็ตแบบที่หนึ่ง ประเภทไม่มีโครงข่ายเป็น ของตัวเอง
 
              ทั้งนี้ ในเดือนมกราคม 2563 จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน คิดเป็นร้อยละ 4โดยมีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจที่สนับสนุนการทำงานของบริษัทในเครือในกลุ่มให้มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ธุรกิจที่ส่งเสริมตลาดทุน รวมถึงประกอบธุรกิจซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ ดังตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
 
 *********************
ที่มา : กองบริหารการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ                               ฉบับที่ 56 / วันที่ 31 มกราคม 2563