พาณิชย์' ขานรับกฎกระทรวงการคลัง...เพิ่มผู้รับหลักประกัน 4 ประเภท

พาณิชย์' ขานรับกฎกระทรวงการคลัง...เพิ่มผู้รับหลักประกัน 4 ประเภท
เปิดอบรมให้ความรู้การจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ...ทันที !!!
หวังให้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เป็นช่องทางช่วยเอสเอ็มอีไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
 
                  กระทรวงพาณิชย์ ขานรับกฎกระทรวงการคลัง...เพิ่มผู้รับหลักประกัน 4 ประเภท เร่งเดินสายเปิดอบรมให้ความรู้การจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจทันที!!! ระดมผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจเสริมแกร่งทักษะรอบด้าน ทั้งตัวกฎหมายและระบบงานจดทะเบียนสัญญาหลักประกันฯ หวังให้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เป็นช่องทางช่วยเอสเอ็มอีไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
                  นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "ตามที่กระทรวงการคลังได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกัน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา โดยผู้รับหลักประกันที่เพิ่มเติมอีก 4 ประเภท ได้แก่ 1) สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเฉพาะกรณีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ 2) ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศเฉพาะกรณีการให้สินเชื่อร่วมกับสถาบันการเงิน 3) นิติบุคคลซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลิสซิ่ง และ 4) นิติบุคคลซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจให้สินเชื่อ ทำให้ปัจจุบันมีผู้รับหลักประกันตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ ทั้งหมด 13 ประเภท"
                  "และเพื่อให้ผู้รับหลักประกันที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีก 4 ประเภท มีความรู้ด้านการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ทั้งในส่วนของรายละเอียดกฎหมายและระบบงานจดทะเบียนสัญญาหลักประกันฯ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงได้เร่งดำเนินการเปิด "อบรมเชิงปฏิบัติการการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ" ทันที ทั้งในส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง จำนวน 2 ครั้ง ส่วนภูมิภาค : จัดขึ้นวันอังคารที่ 20 มีนาคม 2561 ณ โรงแรมดวงตะวัน จ.เชียงใหม่ (ดำเนินการไปแล้ว) และส่วนกลาง : จัดขึ้นวันอังคารที่ 27 มีนาคม 2561 ณ โรงแรมริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น จ.นนทบุรี โดยกรมฯ ได้ระดมผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและระบบงานหลักประกันฯ เสริมแกร่งทักษะรอบด้านแก่ผู้รับหลักประกันทั้ง 4 ประเภทที่เพิ่มเติม รวมถึงผู้รับหลักประกันเดิมที่ต้องการเข้าร่วมอบรมฯ เพื่อให้ผู้รับหลักประกันเข้าใจในรายละเอียดของกฎหมายหลักประกันฯ มากที่สุด และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น"
                   "การเพิ่มเติมผู้รับหลักประกันขึ้นอีก 4 ประเภท จะเป็นการส่งเสริมให้การดำเนินการตามกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจเป็นไปอย่างกว้างขวาง เป็นการเพิ่มแหล่งเงินทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีให้มีโอกาสได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอีกด้วย"
                    จนถึงปัจจุบัน (วันที่ 22 มีนาคม 2561) มีสถาบันการเงินและผู้รับหลักประกันอื่น จำนวนทั้งสิ้น 48 ราย แบ่งเป็น ธนาคารพาณิชย์ 15 ราย ธนาคารพาณิชย์จากต่างประเทศ 13 ราย ธนาคารของรัฐ 6 ราย บริษัทแฟคเตอริ่ง 5 ราย บริษัทประกันภัย 3 ราย บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ 3 ราย บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ 1 ราย บริษัทบริหารสินทรัพย์ 1 ราย และ บริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม 1 ราย
                    ทั้งนี้ นับตั้งแต่พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน (วันที่ 22 มีนาคม 2561) มีผู้ใช้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวนทั้งสิ้น 194,735 คำขอ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 4,429,224 ล้านบาท โดยประเภททรัพย์สินที่นำมาจดทะเบียนมากที่สุด คือ สิทธิเรียกร้องประเภทบัญชีเงินฝากธนาคาร คิดเป็นร้อยละ 53.26 (มูลค่า 2,358,930 ล้านบาท) รองลงมา คือ สิทธิเรียกร้องประเภทลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 24.92 (มูลค่า 1,103,539 ล้านบาท) สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ เครื่องจักร รถยนต์ เรือ เครื่องบิน คิดเป็นร้อยละ 21.78 (มูลค่า 964,780 ล้านบาท) และทรัพย์สินทางปัญญา คิดเป็นร้อยละ 0.04 (มูลค่า 1,975 ล้านบาท)"
 
***********************************************
ที่มา : กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ                                                                                   ฉบับที่ 68 / วันที่ 26 มีนาคม 2561