สินิตย์ เร่งเสริมศักยภาพธุรกิจโลจิสติกส์ไทย เพิ่มทักษะบริหารจัดการสู่มาตรฐานสากล พร้อมรับมือลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ก่อนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

สินิตย์ เร่งเสริมศักยภาพธุรกิจโลจิสติกส์ไทย เพิ่มทักษะบริหารจัดการสู่มาตรฐานสากล
พร้อมรับมือลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ก่อนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

                                กระทรวงพาณิชย์ มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งเดินหน้าตามแผนพัฒนาประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ไทยให้มีศักยภาพและพร้อมเข้าสู่มาตรฐาน โดยในปี 2565 จัด 2 กิจกรรมสร้างศักยภาพธุรกิจและการบริการโลจิสติกส์รองรับการค้ายุคใหม่ ช่วยบริหารธุรกิจอย่างเป็นระบบ นำเทคโนโลยีมาใช้ลดต้นทุน และกิจกรรมยกระดับความเชื่อมั่นธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ด้วยมาตรฐานสากล ผลักดันเข้าสู่มาตรฐาน ISO 9001 ที่ต่างชาติยอมรับ อีกทั้ง ธุรกิจสามารถรับมือกับผู้บริโภคที่จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลังเปิดประเทศสู้โควิด-19 ช่วยนำรายได้เข้าสู่ประเทศมหาศาล

                              นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งดำเนินการพัฒนาธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ทั้งด้านการพัฒนาองค์ความรู้ที่จำเป็น การบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ พร้อมยกระดับการบริการให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล และเพิ่มโอกาสทางการแข่งขันในยุค next normal โดยในปีงบประมาณ 2565 ได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้มแข็งใน ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ 2 กิจกรรมคือ กิจกรรมสร้างศักยภาพธุรกิจและการบริการโลจิสติกส์รองรับการค้ายุคใหม่ เป็นการเสริมสร้างความรู้ทั้งกลยุทธ์การบริหารจัดการองค์กร การเสริมสร้างศักยภาพและโอกาสทางการค้าธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ด้วยเทคโนโลยี กิจกรรมให้ความรู้ และฝึกปฏิบัติจริง (Workshop) การฝึกใช้เทคโนโลยีช่วยจัดเก็บ วิเคราะห์ข้อมูล และการบริหารจัดการธุรกิจที่เหมาะสมกับประเภทธุรกิจ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว สร้างความโปร่งใส ลดการใช้ทรัพยากร ต้นทุน และรายจ่าย โดยตั้งแต่ปี 2549-2564 มีธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องผ่านการอบรมในกิจกรรมนี้จำนวน 5,024 ราย สำหรับในปีนี้จะมีธุรกิจฯ ที่ผ่านกิจกรรมเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 750 ราย"

                               รมช.พณ. กล่าวต่อว่า "ส่วนกิจกรรมยกระดับความเชื่อมั่นธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ด้วยมาตรฐานสากล เป็นกิจกรรมพัฒนาการบริหารจัดการให้มีคุณภาพ ตลอดจนธุรกิจสามารถผ่านการรับรองมาตรฐานสากล         ISO 9001 ได้ นำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับจากผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดไปสู่การแข่งขันในระดับสากล โดยตั้งแต่ปี 2553-2564 มีธุรกิจที่ได้พัฒนาและผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO แล้ว จำนวน 678 ราย และในปีนี้คาดว่าจะมีธุรกิจที่ผ่านมาตรฐาน ISO จำนวน 36 กิจการ และสร้างกำไรให้กับธุรกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 อีกทั้ง ธุรกิจทั้งหมดนี้จะสามารถออกไปสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากถึง 58 ล้านบาท"

                             "การพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ถือเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ของประเทศไทย ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาโลจิสติกส์ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทุกคนต้องหลีกเลี่ยงการเดินทางและการรวมตัวจึงใช้เวลาอยู่ในที่พักเป็นส่วนใหญ่ พฤติกรรมการดำเนินชีวิตปรับเปลี่ยนเป็นการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจขนส่งจึงกลายเป็นเครื่องมือที่จะเชื่อมโยงระหว่างสินค้ากับผู้บริโภคให้ถึงกัน เมื่อมีความต้องการจากผู้บริโภคที่มากขึ้นอย่างก้าวกระโดดทำให้พื้นที่ในธุรกิจโลจิสติกส์เกิดการแข่งขันเพิ่มขึ้นตามมา มีการแข่งขั้นทั้งด้านราคาที่ถูกลง การใช้เทคโนโลยี และการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว ดังนั้น ผู้ให้บริการโลจิสติกส์จะต้องเร่งปรับตัวเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าออนไลน์มากขึ้น"

                             ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่เพียงธุรกิจการจัดส่งสินค้าเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมครอบคลุมทั้ง Supply Chain ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง อาทิ ธุรกิจคลังสินค้า ตัวแทนออกของรับอนุญาต บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และบริการโลจิสติกส์ครบวงจร ทั้งนี้ เมื่อพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปธุรกิจจึงจำเป็นต้องหาเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการประมวลผลและวิเคราะห์ เพิ่มความรวดเร็ว ความถูกต้องแม่นยำสามารถตรวจสอบได้ และระบบการบริหารจัดการที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น มากไปกว่านั้น จากการผ่อนคลายนโยบายด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ในการประกาศเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ (สำหรับประเทศที่กำหนด)สามารถเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัวจะส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจในประเทศอย่างมาก เกิดการค้าขายที่คึกคักมากขึ้นและเป็นผลทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ได้รับอานิสงค์ในครั้งนี้ไปด้วย ซึ่งธุรกิจที่ผ่านการพัฒนาในหลักสูตรข้างต้นจะมีความพร้อมรับมือบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างดี ไม่เสียโอกาสในการให้บริการช่วงที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติได้อีกด้วย" รมช.พณ. กล่าวทิ้งท้าย  

                              จากข้อมูลการจดทะเบียนนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ จำนวน 30,568 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.77 จากจำนวนนิติบุคคลทั้งประเทศ

#PoweredByDBD

****************************************
ที่มา : กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ                                ฉบับที่ 12  / วันที่   29  ตุลาคม 2564