การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนพฤษภาคม 2563

การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนพฤษภาคม 2563
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
 
                                           นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนพฤษภาคม 2563 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
 
ผลการจดทะเบียนธุรกิจ
ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนพฤษภาคม 2563
                                         - จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ ในเดือนพฤษภาคม 2563 จำนวน 4,195 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 9,672 ล้านบาท
                                         - ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 502 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 172 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร จำนวน 128 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ 
                                         - ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 3,136 ราย คิดเป็นร้อยละ 74.76 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,001 ราย คิดเป็นร้อยละ 23.86 ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 52 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.24 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 6 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.14 ตามลำดับ
 
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนพฤษภาคม 2563
                                         - จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนพฤษภาคม 2563 มีจำนวน 905 ราย โดยมีมูลค่า ทุนจดทะเบียนจำนวน 2,975 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
                                         - ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 109 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 43 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 และธุรกิจให้คำปรึกษา ด้านการจัดการ จำนวน 27 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
                                         - ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 645 ราย คิดเป็นร้อยละ 71.27 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 221 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.42 ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 37 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.09 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 2 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.22 ตามลำดับ
 
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนพฤษภาคม 2563
                                         - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 พ.ค. 63) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน768,371 ราย มูลค่าทุน 18.45 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 188,350 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.51 บริษัทจำกัด จำนวน 578,755 ราย คิดเป็นร้อยละ 75.32 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,266 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17 ตามลำดับ
                                         - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 454,308 ราย คิดเป็นร้อยละ 59.13 รวมมูลค่าทุน 0.40 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.17 รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 226,395 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.46 รวมมูลค่าทุน 0.75 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.07 ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 71,915 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.36 รวมมูลค่าทุน 1.95 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.57 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,753 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.05 รวมมูลค่าทุน 15.35 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.20 ตามลำดับ
 
การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว
             เดือนพฤษภาคม 2563
                                        - เดือนพฤษภาคม 2563 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 45 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 20 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 25 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 11,314 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2563 จำนวน 5,062 ล้านบาท เนื่องด้วยมีนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI หรือประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนจดทะเบียนสูง โดยเป็นการประกอบธุรกิจสนับสนุนบริษัทในเครือ/ในกลุ่มที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเคมี และกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-COMMERCE) โดยเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกลางสำหรับจำหน่ายเครื่องจักรอุตสาหกรรม เป็นต้น
                                       - นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 122 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ จำนวน 4 ราย เงินลงทุน 62 ล้านบาท และฮ่องกง จำนวน 2 ราย เงินลงทุน 28 ล้านบาท
 
 *******************************
การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดือนพฤษภาคม 2563
 
                                           กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวก เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนางานบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และประกาศกรมเรื่องการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
 
การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
 
                                         กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยขอรับข้อมูลได้ผ่านช่องทาง Walk in EMS Delivery และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Certificate File) มีจำนวนการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤษภาคม 2563 มีจำนวน 267,023 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา 97,958 ราย ร้อยละ 263 โดยเฉพาะการบริการในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์มีจำนวนการใช้บริการ 131,797 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 97 จากเดือนที่ผ่านมา และรองรับการให้บริการสู่การบริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ IOS
                                         
                                         การให้บริการขอหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส่วนกลาง) และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 ให้ขอรับบริการได้เฉพาะทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Service) ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563
 
DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
 
                                           การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2562 ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2563 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 329,927 ราย คิดเป็น 46% ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงินโดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 322,731 ราย คิดเป็น 98% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 7,196 ราย คิดเป็น 2% ทั้งนี้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse และ DBD e - Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว
 
                                          จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิค 19 เพื่อให้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของนิติบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมฯ ได้มีมาตรการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาด ดังนี้
 
                                            - ให้บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด สมาคมการค้า และหอการค้า รายใดที่ได้รับผลกระทบจาก การแพร่ระบาดของโรคโควิค 19 จนทำให้เกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถจัดประชุมหรือจัดประชุมล่าช้าเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และเมื่อได้ดำเนินการจัดประชุมแล้ว ให้มีหนังสือชี้แจงเหตุผลยื่นต่อนายทะเบียนเป็นรายกรณีไป
                                       - ให้ขยายระยะเวลาการยื่นงบการเงินของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีที่เป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนิติบุคคลที่ตั้งตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ให้ยื่นงบการเงินได้ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563
                                        - ให้การยื่นงบการเงินของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร การยื่นสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด การยื่นสำเนารายงานประจำปี และสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัด ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) เพียงช่องทางเดียว
 
                                         ทั้งนี้ กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้นิติบุคคลเตรียมความพร้อมการดาว์นโหลดไฟล์ Excel บอจ.5เพื่อกรอกบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นและดาวน์โหลดไฟล์งบการเงิน Excel เวอร์ชั่น 2 เพื่อกรอกงบการเงินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยศึกษาวิธีการใช้งานได้ที่ www.dbd.go.th เลือก "บริการออนไลน์" "ระบบนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing)" โดยดาวน์โหลดวีดิทัศน์ไฟล์งบการเงิน Excel เวอร์ชั่น 2 และวิธีกรอกไฟล์ Excel บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เพื่อนำส่งได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
 
e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร
 
                                         กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการ ได้รวมทั้งสิ้น 10 ธนาคาร จำนวน 3,837 สาขา
 
e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์
 
                                          กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์ www.dbd.go.th หรือผ่านระบบ mobile application (iosและ android) บนสมาร์ทโฟน โดยตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 523,022 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 8,226,171 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน
 
                                         สำหรับเดือนพฤษภาคม 2563 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 6,033 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 65,841 ล้านบาท ทั้งนี้ทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 83.36 (มูลค่า 54,885 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร สินค้าคงคลัง คิดเป็นร้อยละ 16.63 (มูลค่า 10,948 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.01 (มูลค่า 8 ล้านบาท) และ ไม้ยืนต้น เป็นประเภทไม้ยาง คิดเป็นร้อยละ 0.0003 (มูลค่า 223,600 บาท) และมีผู้รับหลักประกันรวมจำนวนทั้งสิ้น 242 ราย
 
e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
 
                                         การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 31 พฤษภาคม 2563 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 60,039 ราย รับจดทะเบียน 26,506 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration
 
DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)
 
                                          กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงินในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้องคีย์ข้อมูลงบการเงินซ้ำ
 
การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs) และ e-Accounting for SMEs
 
                                           Total Solution for SMEs เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม
 
                                            นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี "โปรแกรม e-Accounting for SMEs" ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว , มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android
 
DBD Data Warehouse
 
                                          กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในปี 2563 (ม.ค. - พ.ค.) มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นจำนวน 3,465,234 ครั้ง
 
****************************
ที่มา : กองข้อมูลธุรกิจ                                                  ฉบับที่ 130 / 25 มิถุนายน 2563