พาณิชย์' เดินหน้าเชื่อมโยงการค้าผลไม้ไทยจากภาคตะวันออกสู่ภาคใต้

พาณิชย์' เดินหน้าเชื่อมโยงการค้าผลไม้ไทยจากภาคตะวันออกสู่ภาคใต้
ก่อนขยายตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club
พร้อมเปิดจุดรับซื้อส่งผลไม้ออกไปยังกัมพูชาและเวียดนามเป็นการถาวร
สร้างโอกาสทางการค้าแสวงหาตลาดใหม่ๆ รองรับผลผลิตผลไม้ไทยระยะยาว
 
                 กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าเชื่อมโยงการค้าผลไม้ไทยจากภาคตะวันออกสู่ภาคใต้ ก่อนขยายตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านกลไกเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ล่าสุดเปิดจุดรับซื้อส่งออกผลไม้ไทยไปยังกัมพูชาและเวียดนาม พร้อมบินด่วน!! ลงนามในสัญญาซื้อขายผลไม้ไทยกับผู้ประกอบการกัมพูชาและเวียดนามกว่า 5,000 ตัน มูลค่ารวมกว่า 150 ล้านบาท เตรียมออกงานแนะนำ จำหน่ายผลไม้ไทย และเจรจาธุรกิจภายในงาน Thailand Product Expo 2017 ณ กรุงพนมเปญ สาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา ระหว่าง 25 - 28 พฤษภาคมนี้
                  นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้กลไกเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ของกระทรวงฯ ในการเชื่อมโยงการค้าผลไม้ไทยทั้งภายในประเทศและการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เบื้องต้น ได้มีการเชื่อมโยงการค้าผลไม้ไทยจากภาคตะวันออกสู่ภาคใต้ คือ Moc Biz Club จันทบุรี และ Moc Biz Club ยะลา โดย 2 จังหวัดได้มีการตกลงซื้อขายทุเรียนแช่แข็งมูลค่ากว่า 5.15 ล้านบาท โดยการซื้อขายดังกล่าวนอกจากจะจำหน่ายในจังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียงแล้ว ยังจะส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศมาเลเซียอีกด้วย"
                  "นอกจากนี้ ผู้ประกอบการผลไม้ไทยภาคตะวันออก ได้มีการเปิดจุดรับซื้อส่งออกผลไม้ไทย ณ จังหวัดจันทบุรี เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชาและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และในอนาคตอันใกล้เตรียมที่จะเปิดเป็นจุดรับซื้อส่งออกผลไม้ไทยเพื่อส่งออกเป็นการถาวร ซึ่งจะเป็นการช่วยระบายผลไม้ไทยในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดได้เป็นอย่างดี รวมถึง ผู้ประกอบธุรกิจผลไม้ไทยภาคตะวันออก ภายใต้เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club เตรียมเดินทางไปยังประเทศกัมพูชาและเวียดนามเพื่อลงนามในสัญญาซื้อขายผลไม้กับผู้ประกอบการชาวกัมพูชาและเวียดนามในวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 นี้ จำนวน 5,000 ตัน มูลค่ารวมกว่า 150 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าหลังจากการลงนามในสัญญาซื้อขายผลไม้ไทยครั้งนี้แล้ว อาจมีการขยายการค้าไปยังผลไม้ไทยประเภทอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ การส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านอยู่ภายใต้โครงการขยายตลาดผลไม้ภาคตะวันออกสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา/เวียดนาม) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ให้การสนับสนุนโครงการฯ ดังกล่าวอยู่"
                  ปลัดกระทรวงฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า "และระหว่างวันที่ 25 - 28 พฤษภาคม 2560 นี้ เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ผลไม้ไทยภาคตะวันออก (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด) เตรียมออกงานแนะนำ/จำหน่ายผลไม้ และเจรจาธุรกิจ ในงาน Thailand Product Expo 2017 ณ กรุงพนมเปญ สาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา โดยจะมีผู้ประกอบการผลไม้ไทยร่วมออกบูธกว่า 60 คูหา และคาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายและเจรจาธุรกิจร่วม 10 ล้านบาท"
                  "การขยายตลาดผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ประเทศต่างๆ ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และส่งเสริมการบริโภคผลไม้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะทำให้ผลไม้ไทยเป็นที่รู้จักและสามารถขยายโอกาสทางการค้าให้หลากหลายยิ่งขึ้น รวมทั้งแสวงหาตลาดใหม่ๆ รองรับผลผลิตในช่วงที่ผลไม้ออกสู่ตลาด และไม่ให้เกิดการกระจุกตัวเฉพาะตลาดเดิมเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ผลไม้ไทยมีตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสร้างความยั่งยืนให้แก่ผลไม้ไทยในระยะยาว"
                  ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ให้การสนับสนุนและผลักดันให้ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นหรือภูมิภาค (Local Economy) ได้มีช่องทางชี้แจงและนำเสนอแนวทางการพัฒนาธุรกิจ ประกอบกับสร้างโอกาสในการช่วยกันหาทางออกเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจและหน่วยงานของภาครัฐ ซึ่งเป็นการทำงานในรูปแบบ 'ประชารัฐ' ตามแนวทางของรัฐบาล ตลอดจนผลักดันให้สมาชิกฯ เกิดการพัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ด้านการประกอบธุรกิจมากขึ้น รวมทั้งมีการขยายธุรกิจและต่อยอดการค้าไปสู่ตลาดสากล เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่สมาชิกฯ อย่างยั่งยืน"
                 ปัจจุบันเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ได้ดำเนินการจัดตั้งครบแล้วทั่วประเทศใน 77 จังหวัด มีสมาชิกรวม 8,965 ราย แบ่งเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (20 จังหวัด) 2,678 ราย ภาคเหนือ (17 จังหวัด) 2,324 ราย ภาคกลาง (20 จังหวัด) 2,476 ราย ภาคใต้ (14 จังหวัด) 836 ราย ภาคตะวันออก (6 จังหวัด) 651 ราย โดยกลุ่มธุรกิจที่เป็นสมาชิกใน 5 อันดับแรก คือ อาหารและเครื่องดื่ม สุขภาพและความงาม เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มวิชาชีพเฉพาะด้าน
 
*****************************************
 ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า                                                                                              ฉบับที่ 69 / วันที่ 25 พฤษภาคม 2560