รมว.พาณิชย์ เปิดสัมมนาวิชาการ "พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ มิติใหม่ของ SMEs ไทย"

รมว.พาณิชย์ เปิดสัมมนาวิชาการ " พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ มิติใหม่ของ SMEs ไทย"
เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี สมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย
 
 
                    นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนา และปาฐกถาพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี การก่อตั้งสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย ณ โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท ว่า ในวันนี้ (16 กันยายน 2559) รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาเป็นประธานเปิดงานสัมมนาทางวิชาการ "พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ มิติใหม่ของ SMEs ไทย" เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย และเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ และโอกาสของภาคธุรกิจในการใช้ประโยชน์จาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ รวมทั้ง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาเห็นทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในระดับ SMEs ของกระทรวงพาณิชย์
                    "วิชาชีพประเมินมูลค่าทรัพย์สินเป็นวิชาชีพที่มีบทบาทในตลาดเงินและตลาดทุน โดยสามารถแสดงความเห็นต่อมูลค่าทรัพย์สินเพื่อเป็นหลักประกันในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินแก่ภาคธุรกิจ ฉะนั้นภารกิจของสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย จึงมีส่วนสนับสนุนภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ในการกำหนดกรอบการปฏิบัติงานสำหรับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมทรัพย์สินทางปัญญาในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตน ทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้ง การให้ความรู้เกี่ยวกับหลักสูตรผู้บังคับหลักประกันในเรื่องมาตรฐานและจรรยาบรรณด้วย"
                    พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 เป็นกฎหมายใหม่ที่ประกาศใช้ และมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นกฎหมายที่จะช่วยปลดล็อคข้อจำกัด และสร้างโอกาสในการข้าถึงแหล่งทุนของ SMEs โดยสามารถนำทรัพย์สินที่ใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันการชำระหนี้ได้ โดยยังคงสามารถครอบครองและใช้ทรัพย์สินนั้นในการประกอบธุรกิจต่อไป
                    ทั้งนี้ นับตั้งแต่ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจเริ่มประกาศใช้ จนถึงวันที่ 15 กันยายน 2559 มีคำขอ จดทะเบียนสัญญาหลักประกัน ทั้งสิ้น 71,078 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน จำนวน 549,732,044,919.84 บาท โดยหลักประกันที่เป็นบัญชีเงินฝากธนาคาร ร้อยละ 64 ทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น สินค้าคงคลัง เครื่องจักร รถยนต์ คิดเป็นร้อยละ 29 สิทธิเรียกร้องอื่นๆ เช่น บัญชีลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง สัญญาซื้อขาย คิดเป็น ร้อยละ 6 ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้นำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันได้เพิ่มมากขึ้น
 
****************************************
ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์                                                                                   ฉบับที่ 115 / 16 กันยายน 2559