การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกันยายน 2565 และไตรมาส 3/2565 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกันยายน 2565 และไตรมาส 3/2565

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนกันยายน 2565 และไตรมาส 3/2565 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ผลการจดทะเบียนธุรกิจ

ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนกันยายน 2565

         - จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่  มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศในเดือนกันยายน 2565 จำนวน 7,219 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 19,827.45 ล้านบาท

            - ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 593 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 513 ราย คิดเป็น 7% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร
จำนวน
295 ราย คิดเป็น 4% ตามลำดับ

           - ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน  โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่    ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,857 ราย คิดเป็น 67.28% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 2,246 ราย คิดเป็น 31.11% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 96 ราย คิดเป็น 1.33% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 20 ราย คิดเป็น 0.28% ตามลำดับ

ธุรกิจจัดตั้งใหม่ไตรมาส 3/2565 

      - จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ       ไตรมาส 3/2565 จำนวน 20,495 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2565 จำนวน 17,954 ราย เพิ่มขึ้น จำนวน 2,541 ราย คิดเป็น 14% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564 จำนวน 17,034 ราย เพิ่มขึ้น จำนวน 3,461 ราย คิดเป็น 20%

             - มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในไตรมาสที่ 3/2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 73,332.21 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ
ไตรมาส 2/2565 จำนวน 206,207.26 ล้านบาท ลดลง จำนวน 132,875.04 ล้านบาท คิดเป็น 64
% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564 จำนวน 39,350.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 33,981.97 ล้านบาท คิดเป็น 86%

          - ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 1,763 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,345 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 900 ราย คิดเป็น 4% ตามลำดับ

           - ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน  โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 13,949 ราย คิดเป็น 68.06% รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 6,212 ราย คิดเป็น 30.31% รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 278 ราย คิดเป็น 1.36% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 56 ราย คิดเป็น 0.27%

 

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนกันยายน 2565

            - จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนกันยายน 2565 มีจำนวน 1,946 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 10,081.49 ล้านบาท

             - ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 154 ราย      คิดเป็น 8% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 96 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 59 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ

       - ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,371 ราย คิดเป็น 70.45% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 468 ราย คิดเป็น 24.05% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 90 ราย คิดเป็น 4.63% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 17 ราย คิดเป็น 0.87% ตามลำดับ

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการไตรมาส 3/2565

           - จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำไตรมาส 3/2565 มีจำนวน 5,430 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 29,733.53 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 

            - ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 486 ราย      คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 266 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 173 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ

            - ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน  โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 3,864 ราย คิดเป็น 71.16% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 1,281 ราย คิดเป็น 23.59% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 249 ราย คิดเป็น 4.59% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 36 ราย คิดเป็น 0.66% ตามลำดับ

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนกันยายน 2565

            - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น  (ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 846,954 ราย มูลค่าทุน 20.46 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 201,040 ราย คิดเป็น 23.74% บริษัทจำกัด จำนวน 644,543 ราย คิดเป็น 76.10% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,371 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ

            - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน  ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 500,148 ราย     คิดเป็น 59.05% รวมมูลค่าทุน 0.44 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.15% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท  จำนวน 254,037 ราย คิดเป็น 29.99% รวมมูลค่าทุน 0.86 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.21% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 75,699 ราย คิดเป็น 8.94% รวมมูลค่าทุน 2.07 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.14% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 17,070 ราย คิดเป็น 2.02% รวมมูลค่าทุน 17.09 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.50% ตามลำดับ

การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว

เดือนกันยายน 2565

- เดือนกันยายน 2565  มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 55 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 23 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 32 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น  16,086 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 14 ราย เงินลงทุน 2,074 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จำนวน 12 ราย เงินลงทุน 27 ล้านบาท และสิงคโปร์ จำนวน 7 ราย เงินลงทุน 760 ล้านบาท ตามลำดับ

ปี 2565 (มกราคม - กันยายน)

เดือนมกราคม - กันยายน 2565  คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 436 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 99,368 ล้านบาท

 

 

*******************************

 

การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดือนกันยายน 2565

           กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวก   เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนางานบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และประกาศกรมเรื่องการให้บริการ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา              

การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์  

           กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์  โดยในปี 2565 (ม.ค. - ก.ย.)  มีจำนวนขอรับข้อมูล 2,771,968 ราย ซึ่งผ่านช่องทาง Self Pick up มีจำนวน 1,317,940 ราย, EMS จำนวน 331,867 ราย , Delivery จำนวน 20,487 ราย และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate File) จำนวน 1,101,674 ราย และรองรับการให้บริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD
e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ iOS

           การให้บริการขอหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส่วนกลาง) และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 ให้ขอรับบริการได้เฉพาะทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Service) ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) มาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563

           กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทลง 50% สำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เขตพัฒนาเฉพาะกิจ (พื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ให้ขยายไปสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566

DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ 

              การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2564 ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 616,379 ราย คิดเป็น 81% ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงิน โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 613,039 ราย คิดเป็น 99% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 3,340 ราย คิดเป็น 1%  กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ภาคธุรกิจ สมาคมการค้า หอการค้า ที่ยังไม่ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2564 ให้นำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) เป็นหลัก เช่นเดียวกับ การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี ทั้งนี้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse หรือ DBD Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทางธุรกิจ และสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลงบการเงินประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบ DBD e-Filing จะเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนและสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้ก้าวสู่การค้าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม

e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รวมทั้งสิ้น 9 ธนาคาร จำนวน 3,225 สาขา

e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์    

           กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียม     ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ผ่านเว็ปไซต์ www.dbd.go.th และ Application : DBD e-service  ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผ่านเว็ปไซต์ Biz Portal ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.)  ทั้งนี้ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 718,784 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 13,993,942 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน

           สำหรับเดือนกันยายน 2565 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 7,020 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 171,262 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 74.93 (มูลค่า 128,328 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่นเครื่องจักร สินค้าคงคลัง คิดเป็นร้อยละ 25.06 (มูลค่า 42,918 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.01 (มูลค่า 16 ล้านบาท) ทั้งนี้ มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 637 คำขอ และจดทะเบียนยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 3,258 คำขอ  โดยมีผู้รับหลักประกัน จำนวนทั้งสิ้น 371 ราย

e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์  

       การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 30 กันยายน 2565 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 151,432 ราย รับจดทะเบียน จำนวน 92,259 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration

           นอกจากนั้นในวันที่ 4 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา กรมได้เปิดบริการการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Registration ในสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี เชียงใหม่ ชลบุรี สุราษฎร์ธานี อุดรธานี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และนิติบุคคลที่มีสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในจังหวัดนั้น

DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)

          กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงิน ในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้องกรอกข้อมูลงบการเงินซ้ำ

การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs)  และ e-Accounting for SMEs

          Total Solution for SMEs เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม  

          นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี "โปรแกรม e-Accounting for SMEs" ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS)    ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น  มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว , มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android

DBD Data Warehouse                                                 

           กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล  ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในเดือนกันยายน 256มีผู้ใช้บริการจำนวนทั้งสิ้น 953,824 ครั้ง และในปี 2565 (มกราคม - กันยายน) มีจำนวนผู้ใช้งานสะสม 10,284,547 ราย

 

****************************

 

ที่มา : กองข้อมูลธุรกิจ                                                                                 ฉบับที่ 147  /วันที่  28  ตุลาคม 2565