การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมิถุนายน 2565 และครึ่งปีแรก 2565 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมิถุนายน 2565 และครึ่งปีแรก 2565

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

            นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนมิถุนายน 2565 และครึ่งปีแรก 2565 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ผลการจดทะเบียนธุรกิจ

ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมิถุนายน 2565

            จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศในเดือนมิถุนายน 2565 จำนวน 6,661 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 20,744.36 ล้านบาท

             ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 612 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 432 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร
จำนวน 276 ราย คิดเป็น 4
% ตามลำดับ

           ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่    ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,553 ราย คิดเป็น 68.35% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 2,005 ราย คิดเป็น 30.10% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 90 ราย คิดเป็น 1.35% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 13 ราย คิดเป็น 0.20% ตามลำดับ

 ธุรกิจจัดตั้งใหม่ครึ่งปีแรก 2565

        จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ
ในครึ่งปีแรก 2565 จำนวน
40,301 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 280,604.79 ล้านบาท

       ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 3,992 ราย คิดเป็น 10% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 2,165 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร
จำนวน
1,388 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ

             ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่
ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 28,972 ราย คิดเป็น 71.89% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 10,771 ราย คิดเป็น 26.73% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 475 ราย คิดเป็น 1.18% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 83 ราย คิดเป็น 0.21% ตามลำดับ   

 

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนมิถุนายน 2565

      จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนมิถุนายน 2565 มีจำนวน 1,463 ราย โดยมีมูลค่า
ทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการจำนวน 5,168.37 ล้านบาท

      ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 133 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 71 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจการขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง คนโดยสารจำนวน 39 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ

          ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,051 ราย คิดเป็น 71.84% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 351 ราย คิดเป็น 23.99% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 55 ราย คิดเป็น 3.76% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 6 ราย คิดเป็น 0.41% ตามลำดับ

 ธุรกิจเลิกประกอบกิจการครึ่งปีแรก 2565

       จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำครึ่งปีแรก 2565 มีจำนวน 6,009 ราย โดยมีมูลค่า
ทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการจำนวน 58,511.95 ล้านบาท

      ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 610 ราย คิดเป็น 10% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 283 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 175 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ

           ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด  ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 4,308 ราย คิดเป็น 71.69% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 1,429 ราย คิดเป็น 23.78% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 227 ราย คิดเป็น 3.78% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 45 ราย คิดเป็น 0.75% ตามลำดับ

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนมิถุนายน 2565

         ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 30 มิ.ย. 65) ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 842,632 ราย  มูลค่าทุน 20.22 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 202,814 ราย คิดเป็น 24.07% บริษัทจำกัด จำนวน 638,470 ราย คิดเป็น 75.77% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,348 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ

         ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 499,534 ราย คิดเป็น 59.28% รวมมูลค่าทุน 0.44 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.18% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 250,932 ราย คิดเป็น 29.78% รวมมูลค่าทุน 0.85 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.20% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 75,231 ราย คิดเป็น 8.93% รวมมูลค่าทุน 2.06 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.19% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 16,935 ราย คิดเป็น 2.01% รวมมูลค่าทุน 16.87 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.43% ตามลำดับ 

 

การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว

เดือนมิถุนายน 2565

 เดือนมิถุนายน 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 47 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 16 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 31 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 14,872 ล้านบาท เป็นผลให้ในปี 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น จำนวน 284 ราย เพิ่มขึ้น 8% เงินลงทุน 69,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (มกราคม - มิถุนายน 2564)

 นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด 3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 11 ราย เงินลงทุน 2,961 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 9 ราย เงินลงทุน 224 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา จำนวน 7 ราย เงินลงทุน 1,233 ล้านบาท ตามลำดับ

 

*******************************

 

 

 

การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดือนมิถุนายน 2565

          กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวก เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนางานบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และประกาศกรมเรื่องการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา

 การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์  

       กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์  โดยในปี 2565 (ม.ค. - มิ.ย.)  มีจำนวนขอรับข้อมูล 1,859,010 ราย ซึ่งผ่านช่องทาง Self Pick up มีจำนวน 873,492 ราย , EMS จำนวน 230,934 ราย , Delivery จำนวน 11,956 ราย และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate File) จำนวน 742,628 ราย และรองรับการให้บริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ iOS

      การให้บริการขอหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส่วนกลาง) และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 ให้ขอรับบริการได้เฉพาะทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Service) ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) มาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563

           กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทลง 50% สำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เขตพัฒนาเฉพาะกิจ (พื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ให้ขยายไปสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566

DBD e-Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ 

        การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2564 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 601,833 ราย คิดเป็น 79% ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงิน โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 599,396 ราย คิดเป็น 99% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 4,666 ราย คิดเป็น 1% กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ภาคธุรกิจ สมาคมการค้า หอการค้า ที่ยังไม่ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2564 ให้นำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) เป็นหลัก เช่นเดียวกับ การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี ทั้งนี้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse หรือ DBD Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทางธุรกิจ และสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลงบการเงินประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบ DBD e-Filing จะเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนและสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้ก้าวสู่การค้าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม

 e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รวมทั้งสิ้น 9 ธนาคาร จำนวน 3,223 สาขา

e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์    

          กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ผ่านเว็ปไซต์ www.dbd.go.th และ Application : DBD e-service ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผ่านเว็ปไซต์ Biz Portal ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) 

       ทั้งนี้ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 697,859 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 13,213,349 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้อง
ส่งมอบทรัพย์สิน

           สำหรับเดือนมิถุนายน 2565 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 9,270 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 174,662 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 88.70 (มูลค่า 154,935 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักรสินค้าคงคลัง คิดเป็นร้อยละ 11.29 (มูลค่า 19,713 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.01 (มูลค่า 14 ล้านบาท) ทั้งนี้ มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 499 คำขอ และจดทะเบียนยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 2,936 คำขอ โดยมีผู้รับหลักประกัน จำนวนทั้งสิ้น 361 ราย

 e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์  

      การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 30 มิถุนายน 2565 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 136,975 ราย รับจดทะเบียน 81,399 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration

           นอกจากนั้นในวันที่ 4 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา กรมได้เปิดบริการการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Registration ในสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี เชียงใหม่ ชลบุรี สุราษฎร์ธานี อุดรธานี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และนิติบุคคลที่มีสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในจังหวัดนั้น

DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)

           กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงิน ในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้องกรอกข้อมูลงบการเงินซ้ำ

การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs)  และ e-Accounting for SMEs

        Total Solution for SMEs เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม  

       นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี "โปรแกรม e-Accounting for SMEs" ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น  มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว , มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android

DBD Data Warehouse                                                 

      กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในเดือนมิถุนายน 256มีผู้ใช้บริการจำนวนทั้งสิ้น 1,394,219 ครั้ง และในปี 2565 (มกราคม - มิถุนายน) มีจำนวนผู้ใช้งานสะสม 7,048,100 ราย

#PoweredByDBD

 

**********************************************************

 

ที่มา : กองข้อมูลธุรกิจ                                                                                          ฉบับที่ 109 / วันที่ 27 กรกฎาคม 2565