กรมพัฒน์ฯ เข้มนโยบายพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร เน้นสวมหมวก 2 ใบ : ให้บริการประชาชน และ ที่ปรึกษาภาคธุรกิจ พร้อมใช้บิ๊กดาต้าเป็นเครื่องมือนำพาสู่ความสำเร็จ
กรมพัฒน์ฯ เข้มนโยบายพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรเน้นสวมหมวก 2 ใบ : ให้บริการประชาชน และ ที่ปรึกษาภาคธุรกิจพร้อมใช้บิ๊กดาต้าเป็นเครื่องมือนำพาสู่ความสำเร็จ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขานรับนโยบายรัฐบาล ปั้นบุคลากรภายในองค์กรให้มีสมรรถนะสูงรองรับนโยบายและการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ จากตั้งรับเป็นเดินหน้ารุก เน้นสวมหมวก 2 ใบ เป็นทั้งผู้ให้บริการประชาชนและที่ปรึกษาภาคธุรกิจ พร้อมใช้บิ๊กดาต้าเป็นเครื่องมือนำพาสู่ความสำเร็จ หวังประชาชนได้รับบริการที่ดีมีความพึงพอใจสูงสุด ภาคธุรกิจเติบโตอย่างสมดุล เชื่อบุคลากรที่มีความรู้คู่คุณธรรมจะนำพาองค์กรเข้มแข็ง ส่งผลภาครัฐแข็งแกร่ง ประเทศชาติมั่นคง
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้หน่วยงานภาครัฐเร่งผลิตและพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการด้านต่างๆ
ของประเทศ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ภาคธุรกิจระยะยาว
กรมฯ จึงกำหนดให้นโยบายด้านการพัฒนาและเสริมสร้างสมรรถนะบุคลากรภายในองค์กรเป็นยุทธศาสตร์และภารกิจหลักที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชนอย่างตรงจุด ขณะเดียวกัน
เพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ
กรมฯ ได้จัดทำแผนพัฒนาบุคลากรแบบ 3 Types for The Success คือ การฝึกปฏิบัติ (Practice) การศึกษา (Education or Further Study) และการฝึกอบรม (Training) โดยเน้นการเพิ่มขีดความสามารถ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านทักษะเฉพาะด้านตามกลุ่มงาน/สายงาน (Technical Competency) ด้านความสัมพันธ์ส่วนบุคคล (Interpersonal Competency) และด้านสติปัญญา (Intellectual Competency) ซึ่งทั้ง 3 ส่วน จะช่วยเติมเต็มจุดอ่อน/เสริมจุดแข็งให้บุคลากรภายในองค์กรแบบครบวงจร รวมถึงปรับเปลี่ยนบริบทการทำงาน จากการตั้งรับเป็นเดินหน้ารุก เพื่อให้ทันต่อความต้องการของภาคธุรกิจ/ประชาชน ช่วยให้เกิดความกระตือรือร้น กล้ารับ กล้าคิด กล้าที่จะนำการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับทุกการทำงาน โดยหวังผลสัมฤทธิ์สูงสุดของงาน (Outcome) เป็นที่ตั้ง
อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่กรมฯ เป็นหน่วยงานต้นสายปลายทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจตั้งแต่การเริ่มต้นจัดตั้งธุรกิจจนถึงเลิกประกอบกิจการ ทำให้ภารกิจด้านการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ กรมฯ ได้วางนโยบายพัฒนาให้ข้าราชการสวมหมวกการทำงาน 2 ใบ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีมีความพึงพอใจสูงสุด และภาคธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอีเติบโตอย่างสมดุลและเข้มแข็ง โดย หมวกใบที่ 1 เป็นการให้บริการประชาชนตามภารกิจกรมฯ ด้วยความเต็มที่และเต็มใจ หมวกใบที่ 2 เป็นที่ปรึกษาภาคธุรกิจ โดยปัญหาสำคัญของเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอี คือ การขาดที่ปรึกษาทางธุรกิจที่ดี
กรมฯ จึงพัฒนาบุคลากรให้สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ภาคธุรกิจ ช่วยวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการประกอบธุรกิจ
โดยใช้คลังข้อมูลธุรกิจ (DBD DataWarehouse+) ของกรมฯ
ซึ่งเป็นบิ๊กดาต้าธุรกิจขนาดใหญ่เข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยผลักดันให้ภาคธุรกิจประสบความสำเร็จ โดยกรมฯ ได้จัดอบรมหลักสูตร
ติดอาวุธ เพิ่มพลัง ด้วยการใช้ข้อมูล (Empower)
ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลและวิธีนำข้อมูลจากระบบ DBD DataWarehouse+ มาใช้ในการทำงาน
รวมทั้ง หลักสูตร ยกระดับผู้นำสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Leadership for Digital Transformation) ซึ่งเป็นหลักสูตรเฉพาะสำหรับข้าราชการระดับชำนาญการพิเศษ และข้าราชการกลุ่ม Talent เพื่อให้สามารถเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล
อันเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กร และนำพาทีมงานก้าวสู่ยุคดิจิทัลไปพร้อมกัน ระยะต่อไปกรมฯ จะพัฒนาหลักสูตรสร้างที่ปรึกษาภาคธุรกิจ และหลักสูตรที่ช่วยเสริมศักยภาพด้านนวัตกรรมบริการในรูปแบบของ
Project Based มากยิ่งขึ้น เพื่อให้บุคลากรสามารถเป็นที่ปรึกษาภาคธุรกิจและนำความต้องการของภาคธุรกิจมาปรับกระบวนงาน
ต่อยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์บริการดิจิทัลใหม่ หรือพัฒนาจากของเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ
กรมฯ ได้มีการแบ่งกลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมฯ
ออกตามช่วงอายุ (Generation)
และตามภาระหน้าที่ เพื่อพัฒนาบุคลากรในรูปแบบ
Cross Generation ผ่านหลักสูตร พี่อยากโค้ช
น้องขอคุย (Powered by DBD WE Talk) โดยเน้นการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม
(Developmental Partnership) จากผู้บริหารในปีที่เกษียณอายุ
(Mentor) เป็นพี่เลี้ยงที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และมุมมองส่วนบุคคล
เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหาร
แลกเปลี่ยนพูดคุยระหว่างบุคลากรที่มาจากต่างสายงาน
และต่างช่วงอายุทำให้เข้าใจเนื้องานและภารกิจของเพื่อนร่วมงาน เห็นถึงปัญหา/อุปสรรคในการทำงาน สามารถหาแนวทางการแก้ไขร่วมกันเพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้
กรมฯ ได้วางแนวทางพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบและเหมาะสมแต่ละบุคคล เพื่อให้ทุกคนมีความสุขในการทำงาน พร้อมให้บริการประชาชนด้วยความเต็มที่และเต็มใจ
ขณะเดียวกัน ต้องมีการพัฒนาจิตใจและความประพฤติให้มีคุณธรรม-จริยธรรม ยืนอยู่บนความซื่อสัตย์สุจริตและมีธรรมาภิบาลในการทำงาน
เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการรุ่นต่อๆ
ไป รวมถึง การปรับทัศนคติให้มองการอบรมฯ เป็นการเติมทักษะสำหรับอนาคต และสร้างเครือข่าย
ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงานในศตวรรษที่ 21 ทั้งการพัฒนาตนเองผ่านการทำงาน (OJT) การโค้ชโดยพี่เลี้ยง (Mentoring) การจัดอบรมหลักสูตรต่างๆ
ทั้งภายในองค์กร และส่งบุคลากรเข้าร่วมอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกรณีศึกษาภายนอกองค์กร
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว
คนที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด ก็คือ ข้าราชการผู้เข้ารับการพัฒนาเอง
สามารถเป็นที่ปรึกษาภาคธุรกิจ ส่งผลดีต่อองค์กรให้มีความเข้มแข็ง
น่าเชื่อถือ ภาครัฐมีความแข็งแกร่ง และประเทศชาติมีความมั่นคง" อธิบดีฯ
กล่าวทิ้งท้าย
#PoweredByDBD
**************************************************
ที่มา
: สำนักงานเลขานุการกรม ฉบับที่ 91 / วันที่ 18 มิถุนายน 2565