กรมพัฒน์ฯ จับมือพันธมิตรทั้งภาครัฐ-เอกชน และสถาบันการเงินเดินหน้ายกระดับโชวห่วยไทย พร้อมจัดสัมมนา "ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สร้างเครือข่าย สู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย" ประเดิม 12 จังหวัด ใน 4 ภูมิภาค ทั้งเหนือ อีสาน กลาง และใต้
กรมพัฒน์ฯ จับมือพันธมิตรทั้งภาครัฐ-เอกชน
และสถาบันการเงินเดินหน้ายกระดับโชวห่วยไทย พร้อมจัดสัมมนา "ลดต้นทุน เพิ่มรายได้
สร้างเครือข่าย สู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย" ประเดิม 12 จังหวัด ใน 4 ภูมิภาค
ทั้งเหนือ อีสาน กลาง และใต้
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดึงพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน ร่วมเดินหน้าจับมือกันพัฒนาและยกระดับร้านค้าส่งค้าปลีกสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย ช่วยให้ธุรกิจรายเล็กเติบโตอย่างมั่นคงเริ่มแผนแรกด้วยการจัดสัมมนาให้ความรู้ในหลักสูตร "ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สร้างเครือข่าย สู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย" โดยประเดิมเริ่ม 12 จังหวัดใน 4 ภูมิภาคทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ให้จบภายในปี 2565 ก่อนประเมินผล และเดินหน้าตามแผนการพัฒนาในขั้นต่อไป
นายทศพล
ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีกอยู่ประมาณ 400,000 ราย
ในจำนวนนี้ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานพันธมิตรโดยผลักดันไปสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วยแล้วจำนวน
34,572 ราย แม้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจเหล่านี้ อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
แต่ก็ไม่มากนักเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว หรือร้านอาหาร
เนื่องจากเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันของประชาชนทุกครัวเรือน
อีกทั้งธุรกิจนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์สร้างโมเดลธุรกิจค้าปลีกรายย่อย
หรือ "โชวห่วย" เพื่อขยายตลาดออกไปรอบนอกมากขึ้น รองรับฐานลูกค้าชุมชนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น กล่าวได้ว่าเป็นตลาดเนื้อหอมที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจ
ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีร้านค้าโชวห่วยแบรนด์ใหม่ๆ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว อาทิ ถูกดี มีมาตรฐาน
(คาราบาวแดง) โดนใจ(บิ๊กซี) ขายดี (โลตัส) เป็นต้น
"การขยายตัวของธุรกิจโชวห่วย นำมาซึ่งโอกาสและความท้าทาย ในด้านโอกาสผู้ประกอบการมีทางเลือก ในการดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น
มีผู้ช่วยในการบริหารจัดการทั้งในด้านการตลาดและเทคโนโลยี แต่ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการ ก็จะมีความท้าทายที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น
ซึ่งหากไม่ยอมปรับตัวก็จะสูญเสียโอกาสทางธุรกิจไปอย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงเร่งเดินหน้าพัฒนาผู้ประกอบการ
โดยผลักดันไปสู่การเป็น"สมาร์ทโชวห่วย" ซึ่งเป็นนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์)
โดยสมาร์ทโชวห่วย หมายถึงร้านค้าที่มีภาพลักษณ์ที่ดี
มีการใช้เทคโนโลยีมาบริหารจัดการร้านมีช่องทางออนไลน์สำหรับให้บริการลูกค้า
โดยเป้าหมายในการพัฒนาร้านค้าสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วยมี
4 ประการ คือ 1) เพิ่มรายได้ 2) ลดต้นทุน 3) สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ
และเมื่อผู้ประกอบการสมาร์ทโชวห่วยมีความเข้มแข็งและ มีศักยภาพเพียงพอ ก็จะสามารถช่วยเหลือชุมชน
นำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย 4) กระจายรายได้สู่ชุมชน
โดยร้านค้าสมาร์ทโชวห่วยจะเป็นแหล่งรับซื้อ-ขายสินค้าจากชุมชน ช่วยสร้างรายได้ให้คนในชุมชน
และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศต่อไป"
อธิบดี กล่าวต่อว่า ในปี 2565 นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร
เพื่อร่วมกันยกระดับการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้ครอบคลุมในหลายมิติ
ตั้งแต่การเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการผ่านการจัดสัมมนาแบบออนไลน์และออนไซต์ทั่วประเทศ
การปรับภาพลักษณ์ร้านค้าให้ทันสมัย แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น
การส่งเสริมให้ร้านค้าโชวห่วยนำระบบ POS มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเครือข่ายพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่น
(Local Modern Trade) ที่พร้อมจะร่วมพัฒนาร้านค้าสมาชิกให้เติบโตไปด้วยกัน
ผู้ผลิตสินค้าชุมชนและผู้ให้บริการเสริมที่จะช่วยสร้างจุดแข็งและเพิ่มรายได้ให้ร้านค้าโชวห่วย
ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่างๆ ที่จะช่วยลดต้นทุนในการสั่งซื้อตลอดจนเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า
รวมทั้งสถาบันการเงินที่จะมานำเสนอแหล่งเงินทุนให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการรายย่อย
สำหรับการพัฒนาขั้นพื้นฐานให้กับร้านโชวห่วยนั้น
กรมฯ ได้เริ่มจัดสัมมนาให้ความรู้ด้วยหลักสูตร "ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สร้างเครือข่าย
สู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย" โดยกำหนดจัดขึ้นรวม 12 ครั้งใน 4 ภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง
และภาคใต้ ซึ่งได้จัดสัมมนาครั้งแรกไปแล้วที่จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และในเดือนเมษายนนี้จะจัดอีก
2 ครั้ง ที่กรุงเทพฯ และระยอง ต่อด้วยจังหวัดยโสธร นครสวรรค์ ลำพูน ในเดือนพฤษภาคม จังหวัดภูเก็ต
นครราชสีมา ลำปาง อุดรธานี ในเดือนมิถุนายน สิ้นสุดที่จังหวัดตรัง และปราจีนบุรี
ในเดือนกรกฎาคม ตามลำดับ
ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารงานสัมมนาฯ
และกิจกรรมอื่นๆ ของโครงการสมาร์ทโชวห่วยได้ที่
Facebook Fanpage : สมาร์ทโชวห่วย และ www.dbd.go.th หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมธุรกิจการค้า
กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 0 2547 5986 e-mail : bizpromotion.dbd@gmail.com
อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
#PoweredByDBD
*********************************************
ที่มา : กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉบับที่ 66 / 27 เมษายน 2565