เปิดศักราชใหม่ ม.ค. 65 มีการอนุญาตให้ต่างชาติลงทุนในไทย 49 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 9,767 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 393 คน
เปิดศักราชใหม่ ม.ค.
65 มีการอนุญาตให้ต่างชาติลงทุนในไทย 49 ราย
เงินลงทุนทั้งสิ้น 9,767
ล้านบาท จ้างงานคนไทย 393 คน
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว รายงานให้ทราบว่า ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในเดือนมกราคม 2565 มีจำนวน 49 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน 18 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 31 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 9,767 ล้านบาท
การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก
เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบ ซ่อมแซม
บำรุงรักษาเครื่องมือแพทย์ที่ใช้สำหรับการตรวจวิเคราะห์เลือดองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติงานเชิงซ้อนในขั้นตอนการประเมินต้นทุนเนื้องาน
การผลิตชิ้นงาน และขั้นตอนทดสอบมาตรฐานชิ้นงาน
และองค์ความรู้เกี่ยวกับการให้บริการยานพาหนะผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และธุรกิจให้บริการแอปพลิเคชัน
เป็นต้น
สำหรับเดือนมกราคม 2565 ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ
และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) รวมถึงสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต
อาทิ
* บริการให้ใช้แพลตฟอร์มแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ สำหรับการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า รวมทั้งสำหรับการสั่งซื้อสินค้าและบริการ
*
บริการขุดเจาะปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย
*
บริการตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาสินค้าประเภทเครื่องมือแพทย์
*
บริการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมระบบการบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร เป็นต้น
ทั้งนี้
การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในเดือนมกราคม 2565 นี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
จำนวน 27 ราย และนักลงทุนต่างชาติยังสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน
8 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมดในเดือนนี้
โดยมีเงินลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 1,575
ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ของเงินลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ 3
ลำดับแรกเป็นนักลงทุนจาก ญี่ปุ่น 4 ราย ลงทุน 660
ล้านบาท ฮ่องกง 1 ราย ลงทุน 826 ล้านบาท และเนเธอร์แลนด์ 1 ราย ลงทุน 50 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ 1)
บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ 2) บริการให้เช่าที่ดินและอาคาร
ในนิคมอุตสาหกรรม และ 3) บริการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ
ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น
คาดว่าตลอดปี 2565
จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยผ่อนคลายให้มีการเปิดประเทศ และเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน
ผนวกกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ผ่อนคลายขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลักทั้งสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป
ที่เศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นตัวหลังการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19
นอกจากนี้
การลงทุนจากต่างประเทศ น่าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นสัญญาณจากการลงทุนของบริษัทไทยและต่างชาติที่เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
รวมถึงแนวโน้มการลงทุนในลักษณะที่เป็นการเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทไทย
ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น
และถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น" รมช.พณ.กล่าวทิ้งท้าย
#PoweredByDBD
**********************************************
ที่มา
: กองบริหารการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉบับที่ 28 / วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565