กรมพัฒน์ฯ เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ทั่วประเทศ แสดงความแข็งแกร่งภาคธุรกิจไทย
กรมพัฒน์ฯ เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ MOC
Biz Club ทั่วประเทศ แสดงความแข็งแกร่งภาคธุรกิจไทย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ทั่วประเทศ แสดงพลังความแข็งแกร่งภาคธุรกิจไทย จัดสัมมนาใหญ่ เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจยุค New Normal ระดมประธาน กรรมการ และผู้บริหารเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ภายใต้ชื่อ Biz Club THAILAND เข้าร่วมงานกว่า 100 ราย พร้อมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกพัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืน คู่ขนานเจรจาจับคู่ธุรกิจ การออกงานแสดงและจำหน่ายสินค้า มั่นใจ!! ธุรกิจไทยมีศักยภาพสูง พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง
นางรวีพรรณ ช้างเย็นฉ่ำ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (นายทศพล ทังสุบุตร) ได้มอบหมายให้เป็นประธานเปิดการสัมมนา เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจยุค New Normal ร่วมกับนายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ Biz Club THAILAND ร่วมกันจัดขึ้น ณ โรงแรมไอซาน่า จังหวัดนครราชสีมา ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสินิตย์ เลิศไกร) เพื่อแสดงพลังกลุ่มเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ที่กระทรวงพาณิชย์ให้การส่งเสริม/สนับสนุน และสร้างความเข้มแข็งแก่ภาคธุรกิจ โดยเชิญประธาน กรรมการ และผู้บริหารเครือข่ายธุรกิจฯ ภายใต้ชื่อ Biz Club THAILAND เข้าร่วมงาน กว่า 100 ราย"
"การสัมมนาฯ ดังกล่าว นอกจากจะมีการให้ความรู้ที่จำเป็น อาทิ การเพิ่มพลังธุรกิจด้วยการตลาดยุคใหม่ แนวโน้มการทำงานเครือข่ายภาคเอกชน การเสริมสร้างพัฒนาขับเคลื่อนเครือข่ายให้ก้าวทันการค้าสมัยใหม่ ฯลฯ เพื่อรองรับสภาวการณ์หลากหลายด้านทั้งในและต่างประเทศที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญแล้ว ยังมีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกที่เข้าร่วมสัมมนาเพื่อนำไปพัฒนาเครือข่ายฯ และธุรกิจให้มีความยั่งยืนมากขึ้น โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ ต่างระดมความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย มีการนำเสนอรูปแบบการประสานความร่วมมือที่สามารถนำไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน โดยอาศัยเครือข่ายที่มีอยู่เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนส่งเสริมธุรกิจซึ่งกันแล้วกัน เน้นความร่วมมือ ความช่วยเหลือ และพร้อมเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาทุกด้านเพื่อปิดจุดอ่อนเสริมจุดแข็งธุรกิจ ทำให้การบริหารจัดการธุรกิจมีความคล่องตัว เกิดพลังที่แข็งแกร่งของสมาชิกภายในเครือข่าย และที่สำคัญ คือ คำมั่นสัญญาของสมาชิกที่พร้อมจะจับมือและก้าวข้ามวิกฤตทุกรูปแบบไปพร้อมๆ กัน ด้วยมิตรภาพ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว"
รองอธิบดีฯ กล่าวเสริมว่า "นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าของสมาชิก เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้เห็นและสัมผัสกับสินค้าจริง ก่อนเกิดการเจรจาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจอีกทางหนึ่ง โดยภายในงานเกิดมูลค่าการเจรจาธุรกิจ จำนวน 5,550,000 บาท และมียอดการซื้อ-ขายสินค้า จำนวน 110,000 บาท ขณะเดียวกันได้เชิญธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME D Bank และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้าร่วมให้คำปรึกษาแนะนำด้านการเงิน การขอสินเชื่อ และการค้ำประกันสินเชื่อ แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ ด้วย เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบเอสเอ็มอีที่เป็นสมาชิกเครือข่ายฯ"
"ปิดท้ายด้วยการมอบรางวัล เครือข่ายธุรกิจยอดเยี่ยม จำนวน 5 รางวัล ได้แก่ เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club จังหวัดนครราชสีมา ชัยนาท สมุทรปราการ ระยอง และราชบุรี
และรางวัล เครือข่ายธุรกิจดีเด่น จำนวน 7 รางวัล ได้แก่
เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club จังหวัดจันทบุรี
ชลบุรี ลพบุรี นครสวรรค์
อุตรดิตถ์ สระบุรี และพังงา"
"และจากงานสัมมนาฯ ดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งของภาคธุรกิจที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทุกสถานการณ์ รวมถึง มิตรภาพ/ความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมระหว่างภาคธุรกิจด้วยกัน ส่งผลต่อความเข้มแข็งและการขยายตัวทางเศรษฐกิจระดับประเทศ อย่างไรก็ตาม กรมฯ และเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยภาครัฐพร้อมส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกรายให้มีความเข้มแข็ง และพร้อมผลักดันให้ภาคธุรกิจสามารถก้าวต่อไปบนเวทีการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยความมั่นคงและยั่งยืน" รองอธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้ประกอบการกลุ่มเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองธุรกิจภูมิภาคและชุมชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร : 0 2547 4445 สายด่วน 1570 e-Mail : dcrprov@dbd.go.th และ www.dbd.go.th
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2565) มีผู้ประกอบการเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ทั่วประเทศ จำนวน 13,150 ราย แบ่งออกเป็น 12 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย กลุ่มอาหาร 4,091 ราย (ร้อยละ 31.10) กลุ่มผ้า/เครื่องแต่งกาย 2,291 ราย (ร้อยละ 17.42) กลุ่มบริการ 1,845 ราย (ร้อยละ 14.03) กลุ่มสุขภาพและความงาม 1,082 ราย (ร้อยละ 8.23) กลุ่มของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก 1,041 ราย (ร้อยละ 7.92) กลุ่มเครื่องดื่ม 737 ราย (ร้อยละ 5.60) กลุ่มสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร 632 ราย (ร้อยละ 4.81) กลุ่มการเกษตร 447 ราย (ร้อยละ 3.40) กลุ่มอุตสาหกรรม 398 ราย (ร้อยละ 3.03) กลุ่มท่องเที่ยว 347 ราย (ร้อยละ 2.64) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 210 ราย (ร้อยละ 1.60) และอื่นๆ 29 ราย (ร้อยละ 0.22)
แบ่งผู้ประกอบการออกเป็นรายภูมิภาค
ได้ดังนี้ ภาคกลาง (18 จังหวัด) 3,926 ราย (ร้อยละ 29.85) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (20 จังหวัด) 3,597 ราย (ร้อยละ 27.35) ภาคเหนือ (17
จังหวัด) 2,986
ราย (ร้อยละ 22.71) ภาคใต้ (14 จังหวัด) 1,420 ราย (ร้อยละ 10.80) และภาคตะวันออก
(8 จังหวัด) 1,221
ราย (ร้อยละ 9.29)
แบ่งตามประเภทธุรกิจ ประกอบด้วย นิติบุคคล 2,070 ราย (ร้อยละ 15.74) ทะเบียนพาณิชย์ 1,715
ราย (ร้อยละ 13.04) และ บุคคลธรรมดา 9,365
ราย (ร้อยละ 71.22)
****************************************
ที่มา
: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองธุรกิจภูมิภาคและชุมชน ฉบับที่ 12 / วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565