พาณิชย์ เปิด 10 ธุรกิจที่น่าจับตามองปี 2565

พาณิชย์ เปิด 10 ธุรกิจที่น่าจับตามองปี 2565

         

        กระทรวงพาณิชย์ เปิด 10 ธุรกิจที่น่าจับตามองปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งธุรกิจด้านเทคโนโลยี ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจับจ่ายใช้สอยออนไลน์ และธุรกิจด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าประสงค์ร่วมกันในการตอบสนองความต้องการของคนยุคใหม่ และพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.32 ล้านล้านบาท แนะ!!! ผู้ประกอบการที่กำลังจะลงทุนทำธุรกิจ นอกจากกระแสธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมแล้ว ความชื่นชอบและความถนัดเป็นอีกคุณสมบัติที่ต้องคำนึง...การลงทุนมีความเสี่ยง ยุคนี้...ทำธุรกิจต้องรอบคอบให้มากที่สุด

      นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลายครั้งในประเทศไทย ทำให้ภาคธุรกิจต่างได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นอย่างมาก เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงักลงชั่วคราวจากการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคฯ ประกอบกับประชาชนมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตหลายด้านทำให้การใช้จ่ายเกิดการชะลอตัว และมีความระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบฯ และกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศโดยรวม ทำให้ธุรกิจกลับมาประกอบธุรกิจและขยายการลงทุนอีกครั้ง ซึ่งระหว่างปี 2563-2564 ผู้ประกอบการทั้งรายเก่าและรายใหม่ต่างหันมาประกอบธุรกิจที่สอดรับกับการใช้ชีวิตยุค New Normal มากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร และธุรกิจจำหน่ายสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์"

      "สำหรับปี 2565 การประกอบธุรกิจยังคงยึดโยงกับพฤติกรรมผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการของคนยุคใหม่เป็นหลัก กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ทำการวิเคราะห์ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ และถือเป็นธุรกิจดาวเด่นที่น่าจับตามองในปี 2565 จำนวน 10 ธุรกิจ โดยได้ทำการวิเคราะห์จากข้อมูลทางธุรกิจของกรมฯ ตั้งแต่สถิติจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ จำนวนธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ สถานที่ตั้ง งบการเงิน ผลการประกอบธุรกิจ และข้อมูลปัจจัยทางธุรกิจและเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกกรมฯ"

           รมช.พณ. กล่าวต่อว่า 10 ธุรกิจ ที่น่าจับตามองปี 2565 มีความโดดเด่น น่าสนใจ และมีปัจจัยสนับสนุนที่หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ยังคงมีสาเหตุหลักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยสามารถจำแนกได้ ดังนี้

1) ธุรกิจ e-Commerce ได้แก่ ธุรกิจการค้าปลีกออนไลน์และแพลตฟอร์มเพื่อการค้าออนไลน์ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผู้บริโภคไม่สามารถออกมาจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าและสถานบริการได้ตามปกติ รวมทั้ง การปรับตัวของผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มช่องทางการตลาดค้าผ่านทางออนไลน์มากขึ้น และการเพิ่มขึ้นของการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social media) ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับปี 2564

2) ธุรกิจด้านขนส่ง โลจิสติกส์ ได้แก่ ธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของ((Delivery)และธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ (Logistic) กลุ่มธุรกิจนี้ยังเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและได้รับประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce เนื่องจาก ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาซื้อ-ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้มีความต้องการบริการด้านขนส่งโลจิสติกส์มากขึ้นตามไปด้วย

3) ธุรกิจเวชภัณฑ์และแปรรูปสมุนไพร กลุ่มธุรกิจนี้มีปัจจัยหลักมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งในปี 2565 ทั่วโลกอาจต้องเผชิญกับเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นที่อาจต้องพึ่งพากลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ และธุรกิจผลิต/แปรรูปพืชสมุนไพรเพื่อบรรเทาและป้องกันสุขอนามัยของตนเองและครอบครัว

4) ธุรกิจด้านเทคโนโลยี ได้แก่ ธุรกิจจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ธุรกิจจัดทำโปรแกรมเว็บเพจ ธุรกิจบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ และธุรกิจบริหารจัดการ/ประมวลผลข้อมูล ปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้หลายธุรกิจหันมาพึ่งพาเทคโนโลยี หรือซอฟต์แวร์ต่างๆ เพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง การใช้ประโยชน์จากการบริหารจัดการและประมวลผลข้อมูลของลูกค้าเพื่อนำมาให้บริการลูกค้าอย่างรวดเร็วและตรงจุด เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นและต่อเนื่อง

5) ธุรกิจรีไซเคิล (Recycling) กลุ่มธุรกิจนี้ได้รับอิทธิพลมาจากรูปแบบการประกอบธุรกิจให้ยั่งยืนด้วย ESG (Environmental, Social, and Governance) และ BCG (Bio, Green, and Circular) model โดยประกอบธุรกิจผ่านการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมมาภิบาล อีกทั้ง ยังเน้นเรื่องการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนเพื่อลดการทำลายสิ่งแวดล้อม และสร้างธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งธุรกิจการนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ตอบโจทย์ความต้องการตามรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนนี้

6) ธุรกิจเครื่องสำอาง ได้แก่ ธุรกิจค้าส่งเครื่องสำอางและธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอาง มีปัจจัยมาจากกระแสการดูแลสุขภาพ การดูแลตนเอง เพื่อเสริมภาพลักษณ์และสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง อีกทั้ง มีปัจจัยเรื่องการขายสินค้าออนไลน์ การเป็นตัวแทนขาย มาช่วยสนับสนุนยอดขายทำให้มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาในธุรกิจมากขึ้น

7)ธุรกิจขายปลีกสัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของการแข่งขันด้านพัฒนาอาหารสัตว์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น และการทำการตลาดสินค้าราคาแพง (Premium) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า และเติมเต็มคุณค่าทางใจเมื่อเกิดการใช้จ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยง

8) ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากการที่ประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2560 จากสัดส่วนจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยที่มากกว่าร้อยละ 60 ของจำนวนประชากรในประเทศ รวมทั้งสัดส่วนประชากรวัยแรงงานต่อผู้สูงอายุในปัจจุบันที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

9) ธุรกิจกล่องกระดาษและบรรจุภัณฑ์กระดาษ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคลดการเดินทางออกจากที่พักและตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับการปรับตัวของผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มช่องทางการค้าออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการบรรจุภัณฑ์สำหรับการจัดส่งสินค้าให้แก่ผู้บริโภคจำนวนมาก สอดคล้องกับธุรกิจ e-Commerce ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น

10) ธุรกิจโฆษณา สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ส่งผลให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมทางการตลาดในพื้นที่สาธารณะได้ ทำให้การทำโฆษณาโดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยจากสถิติของสมาคมโฆษณาดิจิทัล สื่อสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ค (Facebook) และยูทูบ (Youtube) ครองสัดส่วนการใช้จ่ายมากที่สุด 2 อันดับแรก รวมกันกว่าร้อยละ 50

"ธุรกิจดาวเด่น 10 ธุรกิจ มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.32 ล้านล้านบาท (งบการเงินปี 2563) และมีธุรกิจคงอยู่ทั้งสิ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 49,117 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 482,576.70 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจ e-Commerce จำนวน 4,858 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 42,829.97 ล้านบาท ธุรกิจด้านขนส่ง โลจิสติกส์ จำนวน 2,551 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 25,817.90 ล้านบาท  ธุรกิจเวชภัณฑ์และแปรรูปสมุนไพร จำนวน 12,247 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 90,096.31 ล้านบาท ธุรกิจด้านเทคโนโลยี จำนวน 7,173 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 137,792.53 ล้านบาท ธุรกิจรีไซเคิล (Recycling) จำนวน 726 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 7,079.00 ล้านบาท ธุรกิจเครื่องสำอาง จำนวน 9,028 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 30,694.25 ล้านบาท ธุรกิจขายปลีกสัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 494 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 2,635.72 ล้านบาท ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 533 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 2,191.56 ล้านบาท ธุรกิจกล่องกระดาษและบรรจุภัณฑ์กระดาษ จำนวน 1,225 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 35,625.45 ล้านบาท  ธุรกิจโฆษณา จำนวน 10,282 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 53,814.01 ล้านบาท"

 "ทั้งนี้ คาดว่าปี 2565 นี้ การประกอบธุรกิจของภาคธุรกิจจะมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นและเห็นภาพ                     ได้ชัดเจนมากขึ้น โดยต้องพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผลกระทบจาก                การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะเกื้อหนุนให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้ง ขอแนะนำว่า ผู้ประกอบการที่กำลังจะลงทุนประกอบธุรกิจ และกำลังมองหาธุรกิจที่น่าสนใจ ซึ่ง 10 ธุรกิจดังกล่าวข้างต้น น่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากกระแสธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมแล้ว ความชื่นชอบและความถนัดเป็นอีกคุณสมบัติที่ต้องคำนึง เนื่องการลงทุนมีความเสี่ยง การลงทุนทำธุรกิจต้องมีรอบคอบให้มากที่สุด" รมช.พณ.กล่าวทิ้งท้าย

#PoweredByDBD

**********************************************

ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองข้อมูลธุรกิจ                                                                ฉบับที่ 5 / วันที่ 24 มกราคม 2565