พาณิชย์ "แนะ" SMEs ไทย ใช้ธรรมาภิบาลบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำต้นแบบการทำธุรกิจให้ยั่งยืน

พาณิชย์ "แนะ" SMEs ไทย ใช้ธรรมาภิบาลบริหารจัดการธุรกิจ
เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำต้นแบบการทำธุรกิจให้ยั่งยืน

                           กรมพัฒนาธุรกิจการค้า "แนะ" SMEs ไทย ใช้ธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างมาตรฐานธุรกิจไทย สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำต้นแบบการทำธุรกิจให้ยั่งยืน 

                                 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า "ธรรมาภิบาล" เป็นหนึ่งในหลักสำคัญของการทำธุรกิจในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ กลาง หรือเล็ก รวมถึงกลุ่มสตาร์ทอัพ ซึ่งภาคธุรกิจไม่ได้มีเพียงการดำเนินการที่คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมเพียงเท่านั้น แต่ยังต้องรวมถึงคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจอีกด้วย ดังนั้นการส่งเสริมให้ SMEs ไทย ให้เล็งเห็นความสำคัญของการนำหลักธรรมาภิบาลประยุกต์และปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจรอดพ้นจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำต้นแบบการทำธุรกิจให้ยั่งยืน

                           ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าอยู่ระหว่างการเปิดรับสมัครนิติบุคคลเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม "สร้างธุรกิจ SMEs เข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ ประจำปี 2565" จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยคุณสมบัติเบื้องต้นของธุรกิจ ประกอบด้วย 1.เป็นนิติบุคคลประเภท ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน และบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันปิดรับสมัคร และ 2. ไม่เป็นนิติบุคคลล้มละลาย
 
                             สำหรับการพิจารณาผู้ผ่านเกณฑ์รับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ จะมีคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากองค์กรภาครัฐและภาคธุรกิจชั้นนำของประเทศมาร่วมกันพิจารณา โดยยึดหลักเกณฑ์ 6 ประการ ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า  ซึ่งวิธีการตรวจประเมินผู้ที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรม จะเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งระดับผู้บริหาร พนักงาน หน่วยงานที่ร่วมดำเนินธุรกิจ การเข้าสังเกตการณ์การปฏิบัติงานและกิจกรรมต่างๆ ของธุรกิจ ณ สถานที่ประกอบการ พร้อมทั้งให้คำแนะนำจุดอ่อน จุดแข็ง ด้านธรรมาภิบาลธุรกิจอีกด้วย

                            โดยธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์การรับรองตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนดจะได้รับหนังสือรับรองซึ่งมีอายุ 3 ปี  พร้อมทั้งได้รับการหมายเหตุข้อความการรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจในหนังสือรับรองนิติบุคคล และเผยแพร่ชื่อและที่ตั้งของธุรกิจในเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นอกจากนี้ ธุรกิจสามารถนำเครื่องหมายรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจไปแสดงร่วมกับเครื่องหมายการค้าของธุรกิจ หรือแสดงบนเครื่องเขียน เอกสาร สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้ ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด และเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าได้อีกด้วย

                          กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงขอเชิญชวนภาคธุรกิจที่มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ข้างต้น สมัครเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่โปร่งใสและได้รับความไว้วางใจในการร่วมทำธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติทั่วโลกให้ความสำคัญต่อการมีธรรมาภิบาลของธุรกิจเป็นอย่างมาก หากนิติบุคคลไทยมีธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจจะทำให้เป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ ในการเลือกลงทุน ซึ่งจะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและมีความมั่นคงยั่งยืนอย่างที่สุด
                           ปัจจุบัน มีนิติบุคคลที่ได้รับรองตามเกณฑ์มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำนวนทั้งสิ้น 185 ราย 
                                     ทั้งนี้ ธุรกิจที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนส่งเสริมและพัฒนาธรรมาภิบาลธุรกิจ กองธรรมาภิบาลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 02547 4417, สายด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1570, e-mail : goodgov.dbd@gmail.com และ www.dbd.go.th 
                                                                                                                         #PoweredByDBD

******************************************
ที่มา : กองธรรมาภิบาลธุรกิจ                                      ฉบับที่    13    / วันที่   2  พฤศจิกายน 2564