กรมพัฒน์ฯ สร้างความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ ออกมาตรการเข้ม...รับมือโรคโควิด-19 ระลอกใหม่

กรมพัฒน์ฯ สร้างความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ ออกมาตรการเข้ม...รับมือโรคโควิด-19 ระลอกใหม่
 
                                           กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ออกมาตรการเข้มรับมือโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ สร้างความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ กำหนดให้ทุกพื้นที่ภายในกรมฯ ต้องสะอาด...ปลอดโรค...ปลอดภัย ขณะเดียวกันก็พร้อมให้บริการภาคธุรกิจและประชาชนเต็มที่ เชื่อ!! หากทุกคนทุกหน่วยงานร่วมใจ...ดูแลตัวเอง...ดูแลหน่วยงาน...วิกฤตครั้งนี้จะผ่านไปด้วยดี
 
                                            นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้กำหนดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดระลอกใหม่อยู่ขณะนี้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากกรมฯ เป็นหน่วยงานบริการภาครัฐที่มีภาคธุรกิจและประชาชนเดินทางเข้ามาขอรับบริการและติดต่อราชการจำนวนมาก ขณะเดียวกัน กรมฯ ยังมีหน่วยให้บริการ (สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต) จำนวน 6 เขต กระจายอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ดังนั้น จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความสะอาดปราศจากโรคทั้งของเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการและประชาชนผู้มาขอรับบริการ"
 
                                         "เบื้องต้น กรมฯ ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวน/ขอความร่วมมือผู้ประกอบการและประชาชนทำธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรมฯ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยกรมฯ ได้เตรียมความพร้อมด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถรองรับการใช้งานพร้อมกันได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้ง หากธุรกรรมนั้นต้องมีการชำระเงิน ก็สามารถชำระเงินผ่านช่องทาง e-Payment หลากหลายธนาคารได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการไม่ต้องเดินทางเข้าไปในที่ชุมชนที่มีผู้คนจำนวนมาก ลดภาวะเสี่ยง ลดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง"
 
                                          อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า "ขณะเดียวกัน ยังมีผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนส่วนหนึ่งที่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาขอรับบริการและติดต่อราชการกับกรมฯ ดังนั้น จึงได้ออกมาตรการเพื่อปกป้อง/ป้องกันโรคแก่ผู้มาขอรับบริการและเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ โดยกำหนดให้ทุกพื้นที่ภายในกรมฯ ต้องสะอาดปลอดโรคปลอดภัย ประกอบด้วย 1) ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส แบบเข้มข้น 99.99% (เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อคน) ณ หน่วยให้บริการประชาชน/ห้องประชุม ทุกๆ 3 วัน (หลังเลิกให้บริการ) และภายในห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกชั้น/ทุกสำนัก/ทุกกอง รวมทั้ง บริเวณทางเดินเป็นประจำทุกสัปดาห์ (ฉีดพ่นวันเสาร์-อาทิตย์) 2) จัดบริการเจลแอลกอฮอร์ทำความสะอาดมือ แบบไม่ต้องใช้น้ำ บริเวณหน้าหน่วยให้บริการประชาชน หน้าลิฟต์โดยสาร และภายในห้องปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ทุกห้อง 3) กำหนดให้เจ้าหน้าที่กรมฯ ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงานและหมั่นล้างมือทำความสะอาด"
 
                                         "4) ทำความสะอาดภายในลิฟต์โดยสารและปุ่มกดทุกชั่วโมง 5) หลังเสร็จสิ้นการประชุม (ทุกห้องประชุม) ทุกครั้ง จะทำความสะอาดไมโครโฟน โต๊ะ เก้าอี้ ที่จับประตู ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ 6) ตรวจคัดกรอง (ตรวจวัดอุณหภูมิ) ผู้ใช้บริการทุกราย และสแกนแอปพลิเคชั่น "ไทยชนะ" หรือลงชื่อเข้าใช้บริการทุกครั้ง ก่อนเข้ารับบริการ 7) ยกเลิกหรือเลื่อนการจัดอบรม ในกรณีที่ไม่สามารถเลื่อนการจัดอบรมได้ กำหนดมาตรการ ดังนี้ 7.1) ลดจำนวนผู้เข้าอบรมลงให้เหลือไม่เกิน 30 คน ต่อห้องการอบรม 7.2) ตรวจคัดกรอง (ตรวจวัดอุณหภูมิ) ผู้เข้าอบรมทุกราย 7.3) กำหนดให้ผู้เข้าอบรมสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าที่ได้มาตรฐานระหว่างการอบรมตลอดเวลา 7.4) หลังเสร็จสิ้นการอบรมทุกครั้งจะทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์การอบรม โต๊ะ เก้าอี้ ที่จับประตู ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ 8) ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่กรมฯ ไม่เดินทางข้ามจังหวัด หรือหากมีเหตุจำเป็นต้องแจ้งให้กรมฯ ทราบทุกครั้ง 9) กรณีที่เจ้าหน้าที่มีญาติหรือผู้ใกล้ชิดที่อยู่ร่วมกับเจ้าหน้าที่เดินทางกลับจากจังหวัดเฝ้าระวังสูงสุด หรือ สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้กักตัวเป็นเวลา 14 วัน และรีบแจ้งให้กรมฯ ทราบโดยด่วน"
 
                                          "มาตรการฯ ดังกล่าวจะคงไว้จนกว่าโรคโควิด-19 บรรเทาเบาบางลง หรือหมดสิ้นไป อย่างไรก็ตาม กรมฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อการให้บริการแก่ภาคธุรกิจและประชาชนอย่างเต็มที่ ผู้รับบริการทุกรายจะได้รับการบริการที่ดีเยี่ยมเสมือนช่วงเวลาปกติ ทั้งนี้ เชื่อว่าหากทุกคนและทุกหน่วยงานร่วมมือร่วมใจ...ดูแลตัวเอง...ดูแลหน่วยงาน...เราก็จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดีเช่นกัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th" อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
 
********************************************
ที่มา : สำนักงานเลขานุการกรม                                                     ฉบับที่ 37 / วันที่ 6 มกราคม 2564