การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกรกฎาคม 2563 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกรกฎาคม 2563
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
 
          นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนกรกฎาคม 2563 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
 
     ผลการจดทะเบียนธุรกิจ
          ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนกรกฎาคม 2563
 
 
          - จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2563 จำนวน 5,667 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 16,714 ล้านบาท
 
          - ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 576 ราย คิดเป็น 10% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 246 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร จำนวน 172 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ
 
        - ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,191 ราย คิดเป็น 73.96% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,402 ราย คิดเป็น 24.74% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 58 ราย คิดเป็น 1.02% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 16 ราย คิดเป็น 0.28% ตามลำดับ
 
          ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนกรกฎาคม 2563
 
         - จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนกรกฎาคม 2563 มีจำนวน 1,261 ราย โดยมีมูลค่า ทุนจดทะเบียนจำนวน 7,668 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
 
         - ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 90 ราย คิดเป็น 7% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 78 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 38 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ
 
         - ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 847 ราย คิดเป็น 67.17% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 340 ราย คิดเป็น 26.96% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 67 ราย คิดเป็น 5.31% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 7 ราย คิดเป็น 0.56% ตามลำดับ ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนกรกฎาคม 2563
 
         ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนกรกฎาคม 2563
 
          - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ก.ค. 63) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน768,874 ราย มูลค่าทุน 18.53 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,265 ราย คิดเป็น 24.35% บริษัทจำกัด จำนวน 580,332 ราย คิดเป็น 75.48% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,277 ราย คิดเป็น 0.17% ตามลำดับ
 
        - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 454,639 ราย คิดเป็น 59.13% รวมมูลค่าทุน 0.40 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.16% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 226,345 ราย คิดเป็น 29.44% รวมมูลค่าทุน 0.75 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.05% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า
 
DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
 
        การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2562 ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 396,359 ราย คิดเป็น 55% ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงิน โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 389,016 ราย คิดเป็น 98% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 7,343 ราย คิดเป็น 2% ทั้งนี้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse และ DBD e - Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว
 
        จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิค 19 เพื่อให้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของนิติบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมฯ ได้มีมาตรการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาด ดังนี้
 
          - ให้บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด สมาคมการค้า และหอการค้า รายใดที่ได้รับผลกระทบจาก การแพร่ระบาดของโรคโควิค 19 จนทำให้เกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถจัดประชุมหรือจัดประชุมล่าช้าเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และเมื่อได้ดำเนินการจัดประชุมแล้ว ให้มีหนังสือชี้แจงเหตุผลยื่นต่อนายทะเบียนเป็นรายกรณีไป
 
      - ให้ขยายระยะเวลาการยื่นงบการเงินของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีที่เป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนิติบุคคลที่ตั้งตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ให้ยื่นงบการเงินได้ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563
 
          - ให้การยื่นงบการเงินของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร การยื่นสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด การยื่นสำเนารายงานประจำปี และสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัด สามารถยื่นผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) ได้ ทั้งนี้ กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้นิติบุคคลเตรียมความพร้อมการดาว์นโหลดไฟล์ Excel บอจ.5เพื่อกรอกบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นและดาวน์โหลดไฟล์งบการเงิน Excel เวอร์ชั่น 2 เพื่อกรอกงบการเงินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยศึกษาวิธีการใช้งานได้ที่ www.dbd.go.th เลือก บริการออนไลน์ ระบบนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) โดยดาวน์โหลดวีดิทัศน์ไฟล์งบการเงิน Excel เวอร์ชั่น 2 และวิธีกรอกไฟล์ Excel บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เพื่อนำส่งได้อย่างถูกต้องครบถ้วน e-Certificate บริการระบบหนังสือ
 
e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร
 
          กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รวมทั้งสิ้น 10 ธนาคาร จำนวน 3,836 สาขา
 
e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์
 
         กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์ www.dbd.go.th หรือผ่านระบบ mobile application (ios และ android) บนสมาร์ทโฟน โดยตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 536,700 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 8,396,327 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน
 
          สำหรับเดือนกรกฎาคม 2563 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 7,097 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 87,844 ล้านบาท ทั้งนี้ทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจมากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็น 77.26% (มูลค่า 67,864 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร สินค้าคงคลัง คิดเป็น 22.72% (มูลค่า 19,962 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็น 0.02% (มูลค่า 17 ล้านบาท) อสังหาริมทรัพย์ คิดเป็น 0.001% (มูลค่า 560,000 บาท) และ ไม้ยืนต้น คิดเป็น 0.0002% (มูลค่า 141,671.93 บาท) และมีผู้รับหลักประกัน รวมจำนวนทั้งสิ้น 263 ราย
 
e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
 
         การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 31 กรกฎาคม 2563 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 65,070 ราย รับจดทะเบียน 29,022 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration
 
DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)
 
          กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงิน ในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้อง คีย์ข้อมูลงบการเงินซ้ำ
 
การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs) และ e-Accounting for SMEs Total Solution for SMEs
 
          เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี โปรแกรม e-Accounting for SMEs ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว , มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android
 
DBD Data Warehouse
 
          กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในปี 2563 (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นจำนวน 5,118,693 ครั้ง
 
****************************
 
ที่มา : กองข้อมูลธุรกิจ                                                                              ฉบับที่ 161 / 26 สิงหาคม 2563