กรมพัฒน์ฯ Kick off คาราวานแรลลี่ พาธุรกิจบริการ 50 ราย ล้อหมุนสู่พื้นที่ EEC

กรมพัฒน์ฯ Kick off คาราวานแรลลี่ พาธุรกิจบริการ 50 ราย ล้อหมุนสู่พื้นที่ EEC
ชื่อมสัมพันธ์ พร้อมขยายฐานเป็นจุดศูนย์กลางเศรษฐกิจของเอเชีย    
                                                                                                                                                                                                                                                           

          กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดกิจกรรมแรลลี่พาธุรกิจบริการภายใต้การส่งเสริม 50 ราย ขับรถเปิดเส้นทาง  สู่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ในจังหวัดชลบุรี กิจกรรมประกอบด้วย การ Check in และถ่ายภาพร้านอาหาร Thai SELECT, สปา และสถานดูแลผู้สูงอายุ ทีมไหนได้ยอด Like&Share มากที่สุดเป็นผู้ชนะ! และก่อนกลับจะได้แวะเติมความรู้จาก BOI ที่มาช่วยอัพเดทความคืบหน้าการลงทุนในพื้นที่ EEC พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจเพื่อนำมาผลักดันเป็นยุทธศาสตร์ของธุรกิจบริการไทยต่อไป

          นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (12 กันยายน 2562) กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดพิธีปล่อยขบวนรถแรลลี่ ภายใต้กิจกรรม "EEC Business Driving 2019" ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน 2562 ณ จุดเริ่มต้นที่โรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย โดยเป็นหนึ่งในกิจกรรมนำร่องที่จะพาผู้ประกอบธุรกิจ ประเภทธุรกิจบริการที่ผ่านการอบรมจากกรมฯ ลงพื้นที่ในจังหวัดที่เป็นเส้นทางของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เพื่อสร้างเครือข่ายและเชื่อมโยงพันธมิตรทางธุรกิจ โดย EEC เป็นแผนภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลโดยมีประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอาเซียน เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน     มีประชากรรวมกันกว่า 3.5 พันล้านคน และ GDP คิดเป็นร้อยละ 32 ของ GDP โลก ประเทศไทยนับเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมต่อกับกลุ่มเศรษฐกิจในทวีปเอเชีย รวมถึงมีที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จึงเป็นโอกาสอันดีของธุรกิจไทยที่จะเชื่อมธุรกิจกับประเทศในเอเชียและโลก

          อธิบดี กล่าวต่อว่า "ในระยะแรกของการพัฒนาโครงการ EEC จะเป็นการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา จึงเป็นที่มาของการจัดกิจกรรมนำร่องในวันนี้ที่กรมฯ จะพานักธุรกิจจำนวน 50 ราย แบ่งเป็น 13 ทีม รถยนต์ 30 คัน เดินทางไปพบกับธุรกิจบริการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยมีกติกาคือ     ผู้ร่วมกิจกรรมจะต้องขับรถเพื่อไปถ่ายภาพ และ Check in ตามสถานที่ที่กำหนด (ร้านอาหาร Thai SELECT, สปา, สถานดูแลผู้สูงอายุในการส่งเสริมของกรมฯ) เผยแพร่ผ่าน Facebook ของตนเอง เพื่อรับการกด Like&Share       จากผู้ติดตาม ทีมไหนมียอดดังกล่าวสูงที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะเลิศในกิจกรรม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางผู้ร่วมกิจกรรมจะต้องจับสลากเพื่อเลือกเส้นทางที่จะต้องไปทำกิจกรรม โดยมีจุดเริ่มต้นและปลายทางที่เดียวกันคือ โรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย ถึงโรงแรมบางแสนเฮอริเทจ จังหวัดชลบุรี แบ่งเป็น 2 เส้นทาง เส้นทางละ 4 แห่ง ดังนี้ เส้นทางที่ 1 ร้านอาหารทับขวัญรีสอร์ทแอนด์สปา, ลิฟวิ่งเวล (สถานดูแลผู้สูงอายุ), ร้านอาหารบลูอีเลเฟ่นท์ กรุงเทพฯ, ร้านอาหารบ้านสุริยาศัย และ เซเว่นสปาลักซูรี่พัทยา สำหรับเส้นทางที่ 2 คือ ร้านอาหารสวนทิพย์, เอบีซี โฮมแคร์ (สถานดูแลผู้สูงอายุ) และร้านอาหารเสน่ห์จันทร์ ร้านอาหารโอชาไทย และร้านสปา ณ สปาพัทยา" ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับความร่วมมือจากแกร็บ, ดีแลนด์กรุ๊ป, ยูโรเดคคอร์, แกรนด์คอฟฟี่บอย, ภัทรลิสซิ่ง เมืองไทยประกันภัย และเมืองไทยประกันชีวิต"

          "กิจกรรม EEC Business Driving 2019 ในครั้งนี้ ยังมีการให้ความรู้จากหน่วยงาน BOI ภาคที่ 4 ที่จะเติมเต็มข้อมูลและความคืบหน้าการลงทุนในเขตพื้นที่ EEC พร้อมกันนี้ยังเปิดโอกาสให้ช่วยกันเสนอแนวทางการพัฒนาธุรกิจบริการ เพื่อผลักดันให้เป็นยุทธศาสตร์ของภาคบริการต่อไป ดังนั้น กิจกรรมฯ นี้จึงถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ของกรมฯ ในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจบริการที่เข้าร่วมกิจกรรมแรลลี่กับธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่ EEC เข้าด้วยกัน ส่งผลให้เกิดการต่อยอดธุรกิจบริการให้มีพันธมิตรเพิ่มขึ้น เกิดเครือข่ายที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่กำลังจะกลายเป็นทำเลทองในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมถึงทำให้ภาครัฐมองเห็นทิศทางในการพัฒนาธุรกิจบริการและจัดทำเป็น Road Map สำหรับกำหนดยุทธศาสตร์ได้อย่างยั่งยืน มากไปกว่านั้น ยังช่วยให้ธุรกิจบริการภายใต้การส่งเสริมของกรมฯ เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพิ่มจำนวนผู้เข้าใช้บริการทำให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถผลักดันธุรกิจของตนเองให้เติบโตได้ในอนาคต" 

    "ธุรกิจบริการเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญในลำดับต้นๆ ของประเทศในปี 2561 มีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วนของ GDP มากถึง  43.5% ของ GDP ของไทย (มูลค่า 7.1 ล้านล้านบาท) สร้างงานให้กับคนไทยมากกว่า 6 ล้านคน (36.19% ของการจ้างงานไทย)  และมีจำนวนธุรกิจบริการจำนวนถึง 1.2 ล้านราย  (40% ของจำนวนธุรกิจไทยทั้งหมด) จึงถือว่าเป็นภาคธุรกิจที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กรมฯ ต้องให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีความเข้มแข็งต่อไป" อธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด

********************************

ที่มา : กองธุรกิจบริการ                                                          ฉบับที่ 161  / 12 กันยายน 2562