การจดทะเบียนธุรกิจ ประจำเดือนกรกฎาคม 2562

การจดทะเบียนธุรกิจ ประจำเดือนกรกฎาคม 2562 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
 
                    นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้มอบหมายให้ นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดี กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือน กรกฎาคม 2562 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
 
                 ผลการจดทะเบียนธุรกิจ
 
                       ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนกรกฎาคม
 
            - จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2562 จำนวน 6,459 ราย เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2562 จำนวน 5,586 ราย เพิ่มขึ้น จำนวน 873 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 และเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 จำนวน 5,964 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 495 ราย คิดเป็นร้อยละ 8
 
            - ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 596 ราย คิดเป็น ร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 330 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร จำนวน 211 ราย คิดเป็นร้อยละ 3
 
            - มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในเดือนกรกฎาคม 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 22,866 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2562 จำนวน 15,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 7,719 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51 และเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 จำนวน 26,354 ล้านบาท ลดลงจำนวน 3,488 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13
 
          - ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,699 ราย คิดเป็นร้อยละ 72.75 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท มีจำนวน 1,642 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.42 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 99 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.53 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 19 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.30
 
          - ธุรกิจจัดตั้งใหม่สะสม จำนวนธุรกิจตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. - ก.ค. 62 มีจำนวน 44,681 ราย เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค. - ก.ค. 61) จำนวน 43,512 ราย โดยเพิ่มขึ้น จำนวน 1,169 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 สำหรับมูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. - ก.ค. 62 มีจำนวน 140,622 ล้านบาท ลดลง 28,604 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีที่ผ่านมา (ม.ค. - ก.ค. 61) จำนวน 169,226 ล้านบาท
 
                    ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนกรกฎาคม
 
          - จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,594 ราย เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2562 จำนวน 1,264 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 330 ราย คิดเป็นร้อยละ 26 และเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 จำนวน 1,688 ราย ลดลงจำนวน 94 ราย คิดเป็นร้อยละ 6
 
          - ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 143 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 99 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ จำนวน 31 ราย คิดเป็นร้อยละ 2 ตามลำดับ
 
             - มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในเดือนกรกฎาคม 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,279 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2562 จำนวน 4,973 ล้านบาท ลดลงจำนวน 3,306 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 66 และเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 จำนวน 6,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,997 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32
 
           - ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,103 ราย คิดเป็นร้อยละ 69.23 รองลงมาคือช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 409 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.63 ลำดับถัดไปคือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 74 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.64 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.50
 
          - ธุรกิจเลิกสะสม จำนวนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. - ก.ค. 62 มีจำนวน 8,261 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 284 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค. - ก.ค. 61) จำนวน 7,977 ราย มูลค่าทุน จดทะเบียนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. - ก.ค. 62 มีจำนวน 30,615 ล้านบาท ลดลง 14,995 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีที่ผ่านมา (ม.ค. - ก.ค. 61) จำนวน 45,610 ล้านบาท
 
                    ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนกรกฎาคม
 
          - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ก.ค. 62) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน739,922 ราย มูลค่าทุน 16.85 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 184,293 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.91 บริษัทจำกัด จำนวน 554,381 ราย คิดเป็นร้อยละ 74.92 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,248 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17
 
          - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 439,125 ราย คิดเป็นร้อยละ 59.35 รวมมูลค่าทุน 0.39 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.31 รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 215,342 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.10 รวมมูลค่าทุน 0.70 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.15 รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 70,197 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.49 รวมมูลค่าทุน 1.90 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.28 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,258 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.06 รวมมูลค่าทุน 13.86 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82.26 ตามลำดับ
 
 
                 แนวโน้มการจัดตั้งธุรกิจ
 
                     เมื่อประเมินจากอัตราการเติบโตของ GDPและแนวโน้มด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงแนวโน้มการ จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจตามฤดูกาล (Seasonal Trend) พบว่า โดยปกติจะมีจำนวนการจัดตั้งธุรกิจในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี แต่อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง ยังถือเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการจัดตั้งธุรกิจสำหรับไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ได้
 
             การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว
 
                   เดือนกรกฎาคม
 
          - เดือนกรกฎาคม 2562 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 64 ราย แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 25 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 39 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,822 ล้านบาท
 
          - นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 18 ราย เงินลงทุนกว่า 4,502 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 9 ราย เงินลงทุน 1,154 ล้านบาท และฮ่องกง 6 ราย เงินลงทุน 2,808 ล้านบาท
 
           - การเปรียบเทียบการลงทุนรายเดือน เมื่อเปรียบเทียบการเข้ามาลงทุนของชาวต่างชาติในเดือนกรกฎาคม กับเดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า จำนวนธุรกิจที่คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น 22 ราย หรือประมาณร้อยละ 52 ในขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 2,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 30
 
 
การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดือนกรกฎาคม 2562
 
               กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกเพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนาการบริการทุกระบวนการของกรม ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา
 
DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
 
               กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการยื่นงบการเงินประจำปี 2561 สำหรับนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จะต้องนำส่งงบการเงินภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 นิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้วจำนวน 545,807 ราย โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ DBD e-Filing) จำนวน 507,992 ราย คิดเป็นร้อยละ 93 และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 37,815 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 จะเห็นว่าการนำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing อยู่ในสัดส่วน 93% ของนิติบุคคลที่ได้นำส่งงบการเงินแล้ว ซึ่งมียอดการนำส่งงบการเงินสูงกว่าปีก่อนเมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน ถือว่าการรณรงค์เชิญชวนให้นิติบุคคลนำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งกรมฯ มั่นใจว่าการนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถอำนวยความสะดวกลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายให้แก่ภาคธุรกิจ เนื่องจากสามารถนำส่งงบการเงินได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลผ่าน DBD Data Warehouse และ DBD e - Service Application ได้อย่างรวดเร็ว โดยถือเป็น ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการผลักดันให้กรมฯ ก้าวสู่การเป็นหน่วยงานภาครัฐดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และตอบสนองการพัฒนาระบบให้บริการภาคธุรกิจที่เป็นเลิศมุ่งสู่ยุค Thailand 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล
 
 
               สำหรับนิติบุคคลที่ยังไม่นำส่งงบการเงิน กรมฯ จะดำเนินการติดตามให้ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งการนำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing จะช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูล งบการเงินเพื่อทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว เป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ภาคธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้ารวมทั้ง สถาบันการเงินในการติดต่อทำธุรกรรมอีกด้วย
 
e- Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์
 
               กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์ www.dbd.go.th หรือผ่านระบบ mobile application (iosและandroid) บนสมาร์ทโฟน
 
               โดยตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกัน ทางธุรกิจ จำนวน 425,975 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 6,862,190 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน
 
               สำหรับเดือนกรกฎาคม 2562 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 13,518 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 75,847 ล้านบาท ทั้งนี้ทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน ทางธุรกิจ มากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้าสิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 77.11 (มูลค่า 58,483 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น สินค้าคงคลัง เครื่องจักรคิดเป็นร้อยละ 22.81 (มูลค่า 17,297 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียนคิดเป็นร้อยละ 0.09 (มูลค่า 67 ล้านบาท) และไม้ยืนต้น เป็นประเภทไม้ยางพารา คิดเป็นร้อยละ 0.0002 (มูลค่า 140,000 บาท) และมีผู้รับหลักประกัน รวมจำนวนทั้งสิ้น 197 ราย
 
e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
 
                การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 31 กรกฎาคม 2562 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 43,372 ราย รับจดทะเบียน 16,495 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์
 
การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
 
                 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยขอรับข้อมูลได้ผ่านช่องทาง Walk in EMS Delivery และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Certificate File) ซึ่งการบริการในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์มีจำนวนการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกรกฎาคม 2562 มีจำนวน 12,447 ราย เพิ่มขึ้น 11% จากเดือนที่ผ่านมา (มิ.ย.62) และได้ขยายการให้บริการสู่การบริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ
 
                ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ IOS
 
DBD e-Accounting โปรแกรมบัญชีเพื่อช่วยเหลือ SMEs
 
                  กรมได้ดำเนินการแจก"โปรแกรม e-Accounting for SMEs" ช่วยเหลือ SMEs สามารถบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการบันทึกข้อมูลซ้ำซ้อน ลดระยะเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ทาง Play store ซึ่งมีการพัฒนาซอฟแวร์บัญชีเชื่อมต่อกับการนำส่งงบการเงินทางระบบ DBD e-Filing ผ่านทาง DBD Connect ซึ่งเป็นการร่วมกับผู้พัฒนาซอฟแวร์บัญชี เพื่อเชื่อมโยงระบบงานบัญชีเข้าสู่งบการเงินทางออนไลน์ได้โดยทันที จำนวน 15 ราย
 
Total Solution for SMEs
 
                 การขับเคลื่อน SMEs ไทย ด้วยนวัตกรรมออนไลน์ โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีทางการบัญชี และบริหารจัดการร้านค้าได้โดยง่าย ให้ได้รับข้อมูลในการบริหารจัดการธุรกิจแบบถูกต้อง ครบวงจร เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) โดยผู้ประกอบการสามารถจัดทำบัญชีเบื้องต้นได้เองก่อนส่งข้อมูลให้ผู้ทำบัญชีตรวจสอบ
 
DBD Business Data Warehouse
 
                 กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว และเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 DBD Data Warehouse ได้รับรางวัลชนะเลิศ Digital Transformation Award 2019 สาขา Government Intelligence (การใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ) จากสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในปี 2562 (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นจำนวน 5,138,683 ครั้ง
 
****************************
 
ที่มา : กองข้อมูลธุรกิจ                                                                                         ฉบับที่ 152 / 27 สิงหาคม 2562