วีรศักดิ์' ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมร้านโชวห่วย-ค้าส่งคนไทย รับฟังปัญหา-อุปสรรค-ข้อเสนอแนะ

วีรศักดิ์' ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมร้านโชวห่วย-ค้าส่งคนไทย รับฟังปัญหา-อุปสรรค-ข้อเสนอแนะ
พร้อมสั่งการกรมพัฒน์ฯ...ดันให้เป็นวาระหลักที่ต้องเร่งสร้างความเข้มแข็ง...ให้การสนับสนุน
 มั่นใจ..โชวห่วยไทยต้องเป็นธุรกิจที่คู่สังคมไทยไปอีกนาน
 
                                            วีรศักดิ์' ทำงานเชิงรุก ลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ตรวจเยี่ยม/รับฟังปัญหา-อุปสรรค-ข้อเสนอแนะร้านโชวห่วย-ร้านค้าส่ง พร้อมสั่งการกรมพัฒน์ฯ ให้เป็นวาระหลักที่ต้องเร่งดำเนินการสร้างความเข้มแข็ง...ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือเต็มที่ มั่นใจ..ผลักดันให้เป็นสมาร์ทโชวห่วยได้ครบ 10,000 แห่งภายในปี 2563 แน่นอน เห็นกับตา..ยังไงโชวห่วยก็ต้องอยู่สังคมไทยอีกนาน เพราะไม่ใช่เป็นแค่ร้านขายสินค้าอุปโภค-บริโภค แต่เป็นแหล่งพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และเป็นสถานที่เอื้ออาทรที่เพื่อนบ้านสามารถเอาสินค้าไปใช้ก่อน..พรุ่งนี้ค่อยมาจ่ายเงิน
 
                                          นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ผู้ประกอบการร้านโชวห่วยและร้านค้าส่งในจังหวัดนครราชสีมา ว่า "ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ลงพื้นที่พบปะและตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการร้านโชวห่วยและร้านค้าส่ง ซึ่งส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงผู้ประกอบการกลุ่มนี้อย่างมาก จึงต้องการลงมารับฟังปัญหา-อุปสรรค-ข้อเสนอแนะของร้านค้าด้วยตนเอง และพร้อมที่จะนำความเห็นนั้นมาดำเนินการช่วยเหลือให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าผลักดันให้เป็นวาระหลักที่ต้องเร่งดำเนินการ ให้การสนับสนุนส่งเสริม เพิ่มพูนทักษะ-ความรู้ด้านการจัดการร้านค้า และให้การช่วยเหลือด้านอื่นๆ อย่างเต็มที่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะสอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนการใช้เงินในระดับภูมิภาค ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง สามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างสังคมเมืองกับสังคมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี"
 
                                          "โชวห่วยร้านแรกที่ได้ตรวจเยี่ยม คือ ร้านพูนทรัพย์มินิมาร์ท ต.หมื่นไวย อ.เมือง ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกต้นแบบในหมู่บ้านที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นร้านสมาร์ทโชวห่วยแห่งแรกใน ต.หมื่นไวย เป็นร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่จำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งจากการพูดคุยพบว่า ปัญหาส่วนใหญ่ของร้านโชวห่วย คือ ไม่มีระบบการบริหารจัดการร้านค้าที่ดี การจัดร้านไม่เป็นระเบียบทำให้ลูกค้าหาสินค้าลำบาก ไม่มีระบบการตรวจเช็คสต็อกสินค้าทำให้บางครั้งสินค้าที่ซื้อมาจำหน่ายมีมากเกินความจำเป็นหรือสินค้าหมดอายุ และที่สำคัญ คือ ไม่สามารถจัดโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าในร้านได้ ฯลฯ โดยหลังจากที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นร้านสมาร์ทโชวห่วยที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการร้านค้า ทำให้ยอดขายในร้านเพิ่มขึ้นต่อเดือนประมาณร้อยละ 10-15 ลูกค้าหาสินค้าได้ง่ายมากขึ้น บริหารสต็อกสินค้าเป็นระเบียบมากขึ้น อีกทั้ง ได้ร่วมมือกับซัพพลายเออร์รายใหญ่ในการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เช่น ซื้อ 1 แถม 1 หรือ ซื้อสินค้าครบ 99 บาท แถมกระเป๋า ฯลฯ เป็นต้น ทำให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าในร้านเพิ่มมากขึ้น"
 
                                          รมช.พณ. กล่าวต่อว่า "หลังจากนั้น ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมร้านวงศ์มังกรซุปเปอร์สโตร์ ต.ในเมือง อ.เมือง ซึ่งเป็นร้านค้าส่งสินค้าอุปโภค-บริโภคขนาดใหญ่ เป็นกิจการของคนไทย 100% และเป็นร้านค้าส่งที่ได้รับการพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์ มีเครือข่ายที่เป็นร้านค้าปลีกและร้านโชวห่วย ประมาณ 500 ร้านค้าทั้งในและนอกอำเภอเมือง จากการพูดคุยพบว่า ปัญหาส่วนใหญ่จะคล้ายๆ กับร้านโชวห่วย คือ ไม่มีระบบการบริหารจัดการร้านค้าที่ดี ไม่มีระบบการบริหารสต็อกสินค้า และปัญหาด้านเงินทุนสำหรับสั่งซื้อสินค้าเข้าร้าน ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันทางร้านได้มีการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการร้านค้า และมีระบบโลจิสติกส์เดลิเวอรี่ที่พร้อมจะนำสินค้าไปส่งให้ร้านค้าปลีกรายย่อย โดยที่เจ้าของร้านไม่ต้องเดินทางมาที่ร้าน พร้อมทั้งเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ร้านโชวห่วยที่เป็นเครือข่าย ทำให้มีลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ก็เป็นร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าให้แก่คนในท้องถิ่นด้วย ทำให้เข้าใจร้านค้าปลีกและร้านโชวห่วยในพื้นที่ต่างๆ ที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรงมากขึ้น"
 
                                         "โดยหลังจากที่ได้พูดคุยและตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการร้านโชวห่วยและร้านค้าส่ง ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งสรุปปัญหา-อุปสรรค และข้อเสนอแนะที่ได้รับ พร้อมหามาตรการสนับสนุนส่งเสริมร้านค้าปลีก-ค้าส่งเสนอที่ตนมาโดยเร็ว ให้เน้นความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมชัดเจน เกิดภาคีเครือข่ายธุรกิจ และสามารถผลักดันให้ธุรกิจโชวห่วยก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง ในรูปแบบ "จับมือพันธมิตร ติดปีกโชวห่วยไทย" พร้อมให้เร่งดำเนินการผลักดันร้านโชว์ห่วยเป็นสมาร์ทโชวห่วย โดยมั่นใจว่าภายในปี 2563 นี้ จะสามารถดำเนินการให้ครบ 10,000 แห่ง อย่างแน่นอน ซึ่งจะให้ทำให้ร้านโชวห่วยมีความแข็งแกร่ง และอยู่คู่สังคมไทยไปอีกนาน"
 
                                          "ทั้งนี้ ระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมฯ ได้สังเกตพฤติกรรมลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในร้านโชวห่วยยิ่งมีความมั่นใจว่า ร้านโชวห่วยยังไงก็ต้องอยู่คู่กับสังคมไทย เนื่องจาก ไม่เพียงจะเป็นร้านค้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านสำหรับขายสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นเท่านั้น แต่ร้านโชวห่วยยังเป็นสถานที่พบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของคนในหมู่บ้าน และที่สำคัญ คือ เป็นแหล่งเอื้ออาทรที่เพื่อนบ้านใกล้เคียงสามารถมาเอาสินค้าในร้านไปใช้สอยได้ก่อน...พรุ่งนี้ค่อยมาจ่ายเงิน ซึ่งถือเป็นเสน่ห์และวัฒนธรรมการเอื้ออาทรของคนในชุมชนที่ร้านสะดวกซื้อไม่สามารถทำได้" รมช.พณ.กล่าวทิ้งท้าย
 
***************************************
ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า               ฉบับที่ 146 / วันที่ 19 สิงหาคม 2562