พาณิชย์' ใช้แนวทางประชารัฐ จับมือบริษัท P&G และสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย
พาณิชย์' ใช้แนวทางประชารัฐ จับมือบริษัท P&G และสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย
จัดหลักสูตรติวเข้มธุรกิจค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ทั่วประเทศ สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก
หวังเป็นพี่เลี้ยงให้ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐและโชวห่วยในพื้นที่...ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
หวังเป็นพี่เลี้ยงให้ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐและโชวห่วยในพื้นที่...ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
กระทรวงพาณิชย์ ใช้แนวทางประชารัฐ จับมือ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง ประเทศไทย จำกัด หรือ P&G และสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย เสริมแกร่งผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ติวเข้มหลักสูตรพัฒนาค้าส่งค้าปลีกไทยให้เข้มแข็งและยั่งยืน หวังให้ธุรกิจค้าส่งไทยปรับตัวได้ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล หวังให้เป็นพี่เลี้ยงสนับสนุนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐและโชวห่วยในพื้นที่...ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงแก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเป็นอย่างมาก รวมทั้ง สนับสนุนให้ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ร่วมมือกันพัฒนาประเทศให้มีความเข้มแข็งและเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงตามแนวทางประชารัฐ ผ่านการจัดกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ โดยเป้าหมายสูงสุด คือ เศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีความมั่นคงแข็งแกร่ง"
"วันนี้ (วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561) กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจกิจการค้า จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ P&G และสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย จัดกิจกรรมพัฒนาค้าส่งค้าปลีกไทยให้เข้มแข็งเพื่อสนับสนุนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐและชุมชน และการสัมมนาหลักสูตร "Red to Blue Ocean - สู่กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม" ขึ้น โดยดำเนินการร่วมกับบริษัท P&G ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคขนาดใหญ่ของประเทศ และสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกไทยให้มีความเข้มแข็งและสามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล"
รมว.พณ.กล่าวต่อว่า "เทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจในสังคมไทยมากขึ้น ลักษณะของการแข่งขันการตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด การแข่งขันในด้านราคาหรือการบริหารจัดการในรูปแบบเดิม (Red Ocean) จะไม่เพียงพออีกต่อไป การบริหารจัดการธุรกิจจำเป็นต้องพัฒนาแบบบูรณาการ ทั้งในด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อผลักดันให้เกิดการเจาะลูกค้ารายใหม่ เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและพัฒนาสู่รูปแบบธุรกิจใหม่ (Blue Ocean) เพื่อขับเคลื่อนและเร่งการเติบโตของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกในประเทศ"
"ผู้ประกอบการค้าส่งขนาดใหญ่ระดับท้องถิ่นจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการพัฒนาระบบการบริหารจัดการร้านค้าของตนเองให้สอดคล้องกับโมเดลการแข่งขันยุคใหม่ (Blue Ocean) ซึ่งธุรกิจค้าส่งขนาดใหญ่ถือเป็นกลไกสำคัญในห่วงโซ่อุปทานภาคการค้าของประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงผลักดันให้ธุรกิจกลุ่มนี้เป็นพี่เลี้ยงคอยสนับสนุนดูแลร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงพาณิชย์ และร้านโชวห่วยในการพัฒนาร้านค้าให้เข้มแข็ง รองรับการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น สามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง ลดการพึ่งพาธุรกิจรายใหญ่ และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบทางธุรกิจโดยเน้นความเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันให้มากขึ้น"
"การจัดงานในครั้งนี้ มีผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งทั่วประเทศเข้าร่วมฯ กว่า 200 ราย กิจกรรมภายในงานนอกจากจะมีการสัมมนาหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจค้าส่งสมัยใหม่ อาทิ รูปแบบโมเดลการแข่งขัน การตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าส่งในยุค 4.0 โดยวิทยากรจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียงมาบรรยายในหัวข้อต่างๆ เช่น AC Nielsen, Line, ธนาคารไทยพาณิชย์, KFC แล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างธุรกิจค้าส่งค้าปลีกที่เข้าร่วมงาน และตัวแทนจำหน่ายสินค้า (Distributor) ระดับภูมิภาค กับผู้ผลิตสินค้าชุมชนและสินค้า SME ที่ผ่านการคัดเลือกและพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 20 ธุรกิจ เช่น ขนมคางกุ้ง น้ำอ้อยพลาสเจอร์ไรซ์ ครองแครงอบกรอบ กล้วยเคลือบช็อกโกแลต คุกกี้ข้าวสังข์หยด น้ำพริกสามแฝด กะปิหวาน ผลไม้แปรรูป เป็นต้น โดยกระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ชุมชน และ SME ที่มีศักยภาพสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยผ่านช่องทางร้านค้าส่งขนาดใหญ่ในท้องถิ่นและร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกิดการจับคู่ทางธุรกิจจำนวนกว่า 500 คู่ และ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันให้กับ SME ไทย และธุรกิจค้าส่งจะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่นเกิดการขยายตัวและมีความเข้มแข็ง ทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเกิดการกระตุ้นและมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อีกทางหนึ่ง"
นายราฟฟี่ ฟาร์ฮาโด กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ พีแอนด์จี กล่าวเพิ่มเติมว่า "Red to Blue Ocean เป็นโครงการพิเศษของ พีแอนด์จี ประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ได้เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ พีแอนด์จี ประเทศไทยรู้สึกตื่นเต้นที่ได้แบ่งปันความเชี่ยวชาญกับผู้ค้าส่งและผู้ค้าปลีกในประเทศไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน หวังว่าผู้ค้าปลีกจะสามารถอยู่เหนือการพึ่งพาส่วนลดด้านราคา ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับทุกฝ่าย และขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ ในการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในโครงการนี้และขอยกย่องวิสัยทัศน์ของกระทรวงพาณิชย์ ผมขอยืนยันว่าพีแอนด์จีต้องการสนับสนุนในการสร้างเศรษฐกิจและสังคมไทยให้มีศักยภาพและพัฒนายิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งขณะนี้ พีแอนด์จี ประเทศไทย ได้ส่งสินค้าอุปโภค จำนวน 25 รายการ เช่น ยาสะผม น้ำยาปรับผ้านุ่ม แปรงสีฟัน ฯลฯ เข้าจำหน่ายในร้านธงฟ้าประชารัฐ 22,000 ร้านค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมียอดขายสินค้าพีแอนด์จีต่อเดือนกว่า 100 ล้านบาท"
*************************************************
ที่มา : กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉบับที่ / วันที่ 18 มิถุนายน 2561