กรมพัฒน์' จับมือ 5 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์มีทะเบียน

กรมพัฒน์' จับมือ 5 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์มีทะเบียน
ลงนามความร่วมมือเชื่อมโยงข้อมูลหลักประกันทางอิเล็กทรอนิกส์
อำนวยความสะดวกประชาชน สามารถตรวจค้นภาระผูกพันตามกฎหมายได้ทันที
 
                   กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ 5 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์มีทะเบียน ได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมเจ้าท่า กรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ลงนามความร่วมมือเชื่อมโยงข้อมูลหลักประกันทางอิเล็กทรอนิกส์ อำนวยความสะดวกประชาชนกรณีนำสังหาริมทรัพย์มาจดจำนองหรือหลักประกันทางธุรกิจ พร้อมตรวจสอบข้อมูลได้ทันที
                   นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2561) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงข้อมูลหลักประกันทางอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับภาครัฐ 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมเจ้าท่า กรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) โดยได้รับเกียรติจากรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน และสำนักงาน ก.พ.ร. เป็นเจ้าภาพการจัดงานฯ"
                  "การลงนามในบันทึกข้อตกลงฯ ในครั้งนี้ นับเป็นมิติใหม่ของการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสังหาริมทรัพย์ที่นำมาเป็นหลักประกันการชำระหนี้ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะเป็นหน่วยงานต้นทางในการเชื่อมโยงและส่งต่อข้อมูลทรัพย์ที่ผู้รับหลักประกันนำมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจกับกรมฯ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ที่มีทะเบียน (หน่วยงานที่ร่วมลงนามฯ) เนื่องจากกรมฯ เป็นหน่วยงานที่รับจดแจ้งสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ทำให้ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้องตรงตามเจตนารมณ์ของผู้ให้หลักประกัน นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ดำเนินการให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจในลักษณะทันทีทันใด หรือ เรียลไทม์ (Real Time) รวมถึงได้มีการปรับปรุงระบบจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความคล่องตัว สะดวกรวดเร็ว ทั้งในส่วนของจดทะเบียนสัญญาฯ ตรวจค้น/บริการข้อมูล และการชำระค่าธรรมเนียม โดยจากเดิมใช้เวลาประมาณ 9 นาที ลดลงเหลือเพียง 1 นาที ทำให้ข้อมูลการจดทะเบียนฯ มีความเป็นปัจจุบันมากที่สุด หน่วยงานที่เชื่อมโยงข้อมูลสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทันที ไม่มีระยะเวลารอคอยมาเป็นอุปสรรคในการนำข้อมูลไปใช้"
                  "ขณะเดียวกัน กรมฯ ก็สามารถนำข้อมูลของหน่วยงานที่ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงฯ มาใช้ในการตรวจสอบข้อมูลด้วยเช่นกัน โดยสามารถนำข้อมูลที่ได้เชื่อมโยงไปใช้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานตามที่ได้ระบุไว้ในกฎหมาย ทำให้การรับส่งข้อมูลระหว่างหน่วยงานมีความสะดวก รวดเร็ว และมีความโปร่งใส สามารถช่วยลดการใช้เอกสาร ลดขั้นตอนการร้องขอข้อมูล รวมถึงประชาชนและภาคธุรกิจผู้รับบริการมีความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบข้อมูลสังหาริมทรัพย์ที่อาจนำมาจดทะเบียนเป็นหลักประกันการชำระหนี้ โดยการใช้งานจากฐานข้อมูลที่ได้มีการเชื่อมโยง" อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
                   ปัจจุบัน (4 กรกฎาคม 2559 - 4 เมษายน 2561) มีผู้มาขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำนวน 196,883 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน รวมทั้งสิ้น 4,491,364 ล้านบาท โดยสิทธิเรียกร้องประเภทบัญชีเงินฝากธนาคาร ยังคงเป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 52.92 (มูลค่า 2,376,685 ล้านบาท) รองลงมา คือ สิทธิเรียกร้องประเภทลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง สัญญาเช่า สัญญาซื้อขาย คิดเป็นร้อยละ 21.86 (มูลค่า 981,772 ล้านบาท) สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ เครื่องจักร รถยนต์ เรือ ช้าง คิดเป็นร้อยละ 22.00 (มูลค่า 987,912 ล้านบาท) และทรัพย์สินทางปัญญา คิดเป็นร้อยละ 0.04 (มูลค่า 1,975 ล้านบาท) โดยขณะนี้ มีการนำ ช้าง มาจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจแล้ว โดยมีมูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 13 ล้านบาท
                 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร. 0 2547 5048 e-Mail : Stro@dbd.go.th หรือสายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th
 
*************************************
ที่มา : กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ                                                                                           ฉบับที่ 75 / วันที่ 5 เมษายน 2561