กรมพัฒน์ฯ หนุนธุรกิจโลจิสติกส์ใช้เทคโนโลยีลดต้นทุน พร้อมรับมือกับธุรกิจ e-Commerce บูม
กรมพัฒน์ฯ หนุนธุรกิจโลจิสติกส์ใช้เทคโนโลยีลดต้นทุน
พร้อมรับมือกับธุรกิจ e-Commerce บูม
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดกิจกรรม SMEs Networking Via Application โดยจับมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน และสมาคมด้านโลจิสติกส์ ผลักดันธุรกิจขนส่งใช้แอพพลิเคชั่น LTMA ช่วยประหยัดพลังงาน ลดต้นทุนการขนส่ง บริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ พร้อมส่งผู้ประกอบธุรกิจขนส่งภายใต้การส่งเสริมของกรมฯ เข้าร่วมกิจกรรม ช่วยปั้นให้ธุรกิจยืนได้บนมาตรฐานสากล รองรับการเติบโตของ e-Commerce
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มุ่งพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันได้ มีมาตรฐานทัดเทียมสากล โดยเฉพาะปัจจุบันธุรกิจ e-Commerce ที่ผู้บริโภคหันมาซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และยังเป็นช่องทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพและทรงอิทธิพลมากที่สุด ในระดับโลกรวมถึงในประเทศไทยก็เช่นกัน จากการคาดการณ์อัตราการเติบโตของมูลค่าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยปี 2560 พบว่า มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีมูลค่ารวมประมาณ 2,812,592.03 ล้านบาท ทำให้ในปีนี้อาจเติบโตเพิ่มขึ้นถึง9.86%
อธิบดี กล่าวต่อว่า "จากการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce อย่างก้าวกระโดดทำให้มองเห็นถึงโอกาสสำคัญของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นประเภทธุรกิจที่กรมฯ ให้การส่งเสริมมา โดยตลอด เพราะเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการตลาดในประเทศ กรมฯ ได้ส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการคุณภาพได้ทัดเทียมตามแบบมาตรฐานสากล สร้างโอกาสทางการตลาดเชื่องโยงกับซัพพลายเชน และสร้างเครือข่ายทางพันธมิตรได้ครบวงจร ทำให้ปัจจุบันมีธุรกิจโลจิสติกส์ที่กรมฯ พัฒนาจนสามารถผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจและผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO แล้วจำนวน 679 ราย และในวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2560 กรมฯ จะจัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "SMEs Networking Via Application" ณ โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ไทยเพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจในกลุ่มข้างต้น ให้สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ บริหารจัดการระบบการขนส่งสินค้าที่เป็มาตรฐานเดียวกัน ให้เกิดการรวมพลังเพื่อสร้างความเข้มแข็งในตลาดการค้าเสรีได้อย่างยั่งยืน โดยการใช้เทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นที่ ชื่อว่า LTMA (Enhancement and Encouragement of Logistics and Transport Management Application) เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ของไทย"
แอพพลิเคชั่น LTMA เป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยแอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องสามารถบริหารงานและเก็บข้อมูลด้านต่างๆ ในการขนส่ง รวมถึงวิเคราะห์แนวทางการปรับปรุงระบบการบริหารงาน และการใช้พลังงานในการขนส่งให้มีประสิทธิภาพได้ ลดการจัดส่งสินค้าเที่ยวเปล่า (Backhaul) ส่งผลให้เกิดการลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างเป็นรูปธรรม
"นอกจากนี้แอพฯ ยังมีโปรแกรมการใช้งานที่หลากหลายผู้ใช้งานสามารถเลือกโปรแกรมได้ตามความเหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง นอกจากที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ จะได้เรียนรู้ถึงการใช้งานระบบแอพพลิเคชั่น LTMA อย่างเจาะลึก สามารถวิเคราะห์ธุรกิจของตนเองให้เหมาะสมกับโปรแกรมการใช้งาน ตลอดจนการเชื่อมโยงธุรกิจด้วยระบบดิจิทัลที่ครอบคลุมทั้งด้าน e-Commerce e-Logistic และ e-Payment แล้ว ในวันที่ 5 มกราคม 2561 จะมีการฝึกในระบบปฏิบัติการอีกครั้ง เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าร่วมการสัมมนาได้มีช่วงเวลาในการทดลองระบบแอพฯ และนำไปใช้จริงกับธุรกิจ หากเกิดข้อสงสัยใดๆ ก็สามารถนำประเด็นมาสอบถามกับผู้เชี่ยวชาญได้แบบตัวต่อตัว รวมถึงจะมีการ Work shop เรื่อง การจัดการการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน และลงรายละเอียด ถึงโปรแกรมการใช้งานเชิงลึกอีกด้วย
สำหรับการจัดกิจกรรม SMEs Networking Via Application นับเป็นก้าวสำคัญที่กรมฯ จะได้ร่วมมือกับพันธมิตรภาคเอกชนในการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้กับธุรกิจ โลจิสติกส์ให้อยู่บนมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศเทียบเคียงกับสากล ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับ SMEs ในการบริหารจัดการธุรกิจ" สำหรับผู้ประกอบธุรกิจและผู้สนใจที่อยู่ในภาคกลางและภาคตะวันออกสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมฯดังกล่าวได้โดยการสำรองที่นั่งล่วงหน้าหรือสมัครเข้าร่วมกิจกรรมในวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2560 ซึ่งเป็นวันจัดงานได้ทันที และในส่วนภูมิภาคอื่น กรมฯ มีแผนการจัดกิจกรรมอีก 4 ครั้ง คือ จังหวัดขอนแก่น สงขลา นครสวรรค์ และที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สามารถติดตามการจัดกิจกรรมฯ และการเปิดรับสมัครได้ที่ www.dbd.go.th สอบถามได้ที่สายด่วน 1570" อธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด
********************************
ที่มา : กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ ฉบับที่ 28 / วันที่ 20 ธันวาคม 2560