'พาณิชย์ นำผลิตภัณฑ์ Best of OTOP Select กว่า 300 รายการ
'พาณิชย์ นำผลิตภัณฑ์ Best of OTOP Select กว่า 300 รายการ
ขยายตลาดสู่แหล่งช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยว ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่
รวมถึงสนามบินรองรับตลาดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
กระทรวงพาณิชย์ คัดเลือกผลิตภัณฑ์โอทอปที่มีศักยภาพทางการตลาดและได้รับคัดเลือกเป็น Best of OTOP Select กว่า 300 รายการ ขยายตลาดสู่แหล่งช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยว ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงสนามบินเพื่อรองรับตลาดนักท่องเที่ยงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ คาดเป้าหมายการขยายตลาดปีละไม่น้อยกว่า 900 ล้านบาท
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยถึง ความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนโอทอปให้มีมาตรฐาน ซึ่งเป็นการบูรณาการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) ให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน สร้างความเป็นอยู่ที่ดีสามารถประกอบอาชีพและผลิตสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม ก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคง ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ผลจากการนำนโยบาย สู่การปฏิบัติงาน ส่งผลให้การจัดงาน "การเจรจาธุรกิจและเชื่อมโยงช่องทางการตลาด OTOP Select 2017" เมื่อวันที่ 11 - 12 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ มีผู้ประกอบการโอทอป Buyer Trader และ Supplier สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 ราย โดยได้มีการจับคู่เจรจาธุรกิจ จำนวน 384 ราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 115 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจที่ได้รับความสนใจและเจรจาจับคู่ได้มากที่สุด คือ ธุรกิจในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวของการยกระดับผลิตภัณฑ์โอทอปไทยให้มีมาตรฐาน ในการเชื่อมโยงและบูรณาการด้านการตลาด เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็น Smart OTOP Trader ต่อไป มีต่อด้านหลัง
นอกจากนี้ ยังได้มีการคัดเลือกผลิตภัณฑ์โอทอปที่มีศักยภาพทางการตลาดและได้รับเลือกเป็น Best of OTOP Select กว่า 300 รายการ จาก 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มเครื่องใช้เครื่องตกแต่งบ้าน กลุ่มผ้าและเครื่องประดับ และกลุ่มสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรดตามแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงการขยายช่องทางสู่ตลาดท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยจัดสรรพื้นที่วางจำหน่ายสินค้าโอทอปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและภูเก็ต และคาดว่าจะมีการขยายความร่วมมือเพิ่มเติมอีก 3 แห่ง คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ และอู่ตะเภา
นอกจากนี้ ยังได้มีการคัดเลือกผลิตภัณฑ์โอทอปที่มีศักยภาพทางการตลาดและได้รับเลือกเป็น Best of OTOP Select กว่า 300 รายการ จาก 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มเครื่องใช้เครื่องตกแต่งบ้าน กลุ่มผ้าและเครื่องประดับ และกลุ่มสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรดตามแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงการขยายช่องทางสู่ตลาดท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยจัดสรรพื้นที่วางจำหน่ายสินค้าโอทอปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและภูเก็ต และคาดว่าจะมีการขยายความร่วมมือเพิ่มเติมอีก 3 แห่ง คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ และอู่ตะเภา
อธิบดี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในระยะต่อไป คือ การสร้างร้านต้นแบบเพื่อยกระดับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอปซีเล็กซ์ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในทุกภาค แหล่งท่องเที่ยวของเอกชนที่ได้มีการพัฒนาและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ สยามดิสคัฟเวอรี่ ตลาดน้ำสี่ภาค และจะขยายการกระจายผลิตภัณฑ์โอทอป เข้าสู่ร้านค้าส่ง-ปลีกระดับจังหวัด ที่ได้รับการพัฒนาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทั่วประเทศให้เป็นแหล่งการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค รวมถึงจัดทำแคตตาล็อคโอทอปซีเล็กซ์ และจัดส่งให้นิติบุคคล TOP (นิติบุคคลที่จดทะเบียนแล้วมีรายได้ที่ดีในระดับต้นๆ 200 รายแรก) จำนวน 200 ราย เพื่อใช้สนับสนุนการจัดซื้อผลิตภัณฑ์เป็นของขวัญของที่ระลึก
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบธุรกิจโอทอปอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์โอทอปสามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งในเอเซียน ยุโรป และอเมริกา ด้วยการพัฒนารูปแบบเพื่อเพิ่มมูลค่า กำหนดราคาที่เหมาะสม กำหนดตลาดเป้าหมายที่ชัดเจน และพัฒนารูปแบบการค้าสมัยใหม่ให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย สร้างโอกาสและช่องทางการตลาด ซึ่งเป็นกลไกสำคัญสู่การเชื่อมโยงตลาด ที่คาดว่าเป้าหมายการขยายตลาดปีละไม่น้อยกว่า 900 ล้านบาท
ดังนั้น การพัฒนาศักยภาพตลาดโอทอปไทยจะประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จะทำให้สินค้าโอทอปไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองส่งเสริมธุรกิจชุมชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร : 0 2547 5950 สายด่วน 1570 และ e-mail : otop.dbd@gmail.com และ www.dbd.go.th
**************************************
ที่มา : กองส่งเสริมธุรกิจชุมชน ฉบับที่ 114 / วันที่ 24 สิงหาคม 2560