กระทรวงพาณิชย์ ยกทัพ โมเดิร์นเทรด ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต สมาคมโฮมช็อปปิ้ง ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดผลิตภัณฑ์ชื่อดังกว่า 30 ราย เข้าร่วมเป็นกรรมการคัดสรรโอทอปคุณภาพ 3-5 ดาวทั่วประเทศกว่า 2,000 รายการ ยกระดับเป็นโอทอป ซีเล็กซ์ พร้อมคัดเลือก Best OTOP 77 Experience ปั้นเป็นสินค้าพรีเมี่ยมโดดเด่นประจำแต่ละจังหวัด เตรียมพาขึ้นห้างขยายตลาด-เครือข่ายธุรกิจ...อวดความสวยงามของสินค้า...ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ย้ำ!! "ยุทธศาสตร์ประชารัฐ" หากภาคเอกชนให้ความร่วมมือเศรษฐกิจท้องถิ่นไทยเข้มแข็งแน่นอน

                 นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "ในวันนี้ (วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2560) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้เชิญโมเดิร์นเทรด ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าส่ง - ค้าปลีก ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดผลิตภัณฑ์ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง กว่า 30 ราย เข้าร่วมเป็นกรรมการคัดสรรสินค้าโอทอปคุณภาพ 3-5 ดาว ทั่วประเทศกว่า 2,000 รายการ เพื่อยกระดับให้เป็นโอทอป ซีเล็กซ์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าโอทอปของไทย พร้อมนี้ได้มีการคัดเลือก Best OTOP 77 Experience ซึ่งเป็นสินค้าโอทอปที่มีการนำเอกลักษณ์เฉพาะตัวและประสบการณ์ของแต่ละชุมชนมาช่วยเสริมเสน่ห์ สร้างคุณค่า และความประทับใจให้แก่ผลิตภัณฑ์ ก่อให้เกิดเรื่องราวที่น่าสนใจชวนติดตาม ทำให้สามารถยกระดับและเพิ่มมูลค่าสินค้าโอทอปไทยสู่การเป็นสินค้า "โอทอปพรีเมี่ยม" ที่โดดเด่นประจำแต่ละจังหวัด โดยเรื่องราวที่มาที่ไปและประสบการณ์ของแต่ละชุมชน ถือเป็นสิ่งทรงคุณค่าที่สามารถสร้างความตระหนักและง่ายต่อการจดจำ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นที่จะช่วยสนับสนุนจุดขายที่โดดเด่นของสินค้าให้มีความแตกต่างอันจะนำไปสู่ความทรงคุณค่าในตัวสินค้า และความสามารถทางการแข่งขันของผลิตภัณฑ์โอทอปไทยในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี"

                "วัตถุประสงค์ของการเชิญผู้ประกอบการรายใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดผลิตภัณฑ์ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเป็นกรรมการฯ ในครั้งนี้ เพื่อให้พิจารณาคัดสรรรายละเอียดคุณภาพ ข้อมูล นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ ภาพลักษณ์สินค้า และความสอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อยกระดับให้เป็นโอทอป ซีเล็กซ์ และ Best OTOP 77 Experience สินค้าโดดเด่นแต่ละจังหวัด พร้อมเตรียมผลักดันให้เข้าสู่กระบวนการเจรจาทางธุรกิจ (Business Matching) และเซ็นสัญญาซื้อ-ขายร่วมกับผู้ผลิตเพื่อกระจายสินค้าเข้าสู่ช่องทางการตลาดครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนั้น ยังให้มีการร่วมกันให้คำแนะนำแนวทางการสนับสนุนพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการ หรือสามารถกระตุ้นความสนใจของตลาด เพื่อที่จะเกิดผลในการขยายตลาดให้เติบโต ความต้องการ หรือสามารถกระตุ้นความสนใจของตลาด เพื่อที่จะเกิดผลในการขยายตลาดให้เติบโตต่อเนื่องระยะยาว โดย กิจกรรม "คัดสรรโอทอป ซีเล็กซ์ 2017" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 15 มิถุนายน 2560 ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 3 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี"

                 อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า "การจัดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในลักษณะประชารัฐ เพื่อช่วยกันยกระดับศักยภาพสินค้าโอทอปของไทยที่มีความโดดเด่นและมีคุณภาพ พร้อมที่จะเป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ "พลาดไม่ได้ - ต้องซื้อ" ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ตลาดสินค้าโอทอปไทยให้เข้าสู่ระดับ 100,000 ล้านบาทตามเป้าหมายของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังเป็นการตอกย้ำว่ายุทธศาสตร์ประชารัฐจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีต้องได้รับความรวมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะภาคเอกชนซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นของไทย (Local Economy) มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน"

                  กิจกรรม "คัดสรรโอทอป ซีเล็กซ์ 2017" อยู่ภายใต้ "โครงการเพิ่มมูลค่าและพัฒนาศักยภาพด้านการตลาด OTOP ไทยสู่สากล ประจำปีงบประมาณ 2560" มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนฐานรากของประเทศ โดยใช้จุดแข็งของชุมชนทางด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แรงงาน และวัตถุดิบการผลิตที่มีความหลากหลายให้เกิดประโยชน์เพื่อเชื่อมโยงสู่ภาคเอกชนที่สามารถสร้างเอกลักษณ์ โอกาสทางการตลาด และมีการพัฒนาผู้ประกอบการ สถานที่ ผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจำหน่ายไปพร้อมกัน

                  ทั้งนี้ จากข้อมูลการลงทะเบียนของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ระหว่างปี 2557 ถึง เดือนมีนาคม 2560 มีผู้ผลิต/ผู้ประกอบการโอทอป ลงทะเบียนจำนวนทั้งสิ้น 49,585 กลุ่ม/ราย ผลิตภัณฑ์จำนวน 98,436 ผลิตภัณฑ์ โดยแบ่งออกได้ ดังนี้ กลุ่มของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก ร้อยละ 30.90 รองลงมา คือ กลุ่มอาหาร ร้อยละ 30.50 กลุ่มผ้าและเครื่องแต่งกาย ร้อยละ 22.02 กลุ่มสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ร้อยละ 12.46 และกลุ่มเครื่องดื่ม ร้อยละ 4.12

 

******************************************

 ที่มา : กองส่งเสริมธุรกิจชุมชน                                                                                                ฉบับที่ 79 / วันที่ 12 มิถุนายน 2560