กรมพัฒน์ฯ ฮึ่ม...ไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด 'ถอน 13 ธุรกิจท่องเที่ยว' นอมินีลวงโลก ลั่น!! ต้องจัดการทางกฎหมายให้เด็ดขาด ก่อนทำลายเศรษฐกิจชาติพัง

กรมพัฒน์ฯ ฮึ่ม...ไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด 'ถอน 13 ธุรกิจท่องเที่ยว' นอมินีลวงโลก
ลั่น!! ต้องจัดการทางกฎหมายให้เด็ดขาด ก่อนทำลายเศรษฐกิจชาติพัง
 
                     กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เอาจริงใช้กฎหมายดำเนินคดีบริษัทนอมินีที่สวมเลขบัตรประชาชนคนไทยเพื่อดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวนอมินีในจังหวัดภูเก็ตอย่างผิดกฎหมาย ทั้งนี้ กรมฯ ได้สั่งเพิกถอน 13 บริษัท ให้สิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล โดยไม่สามารถประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลได้อีกและดำเนินคดีต่อเนื่อง รวมถึงอีก 1 บริษัทที่ไม่ส่งงบการเงินเกิน 3 ปีก็ดำเนินการถอนทะเบียนร้างเช่นกัน
                     นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะทำงาน แก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ของจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดภูเก็ตได้ตรวจสอบการประกอบธุรกิจของกลุ่มธุรกิจต่างชาติที่ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวข้อง อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร รถโดยสาร เรือ และสปา ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า มีบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย (ต่างด้าว) จำนวน 2 คน คือ นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม และนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล ได้ร่วมกันแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จแก่เจ้าหน้าที่รัฐเพื่อให้ดำเนินการออกบัตรประจำตัวประชาชนให้โดยมิชอบ ซึ่งกรมฯ ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว
                     เมื่อปรากฏข้อมูลการทุจริตกรมฯ ได้รีบดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกทางทะเบียนบริษัท โดยทันที พบว่า บุคคลทั้ง 2 ราย มีความเกี่ยวโยงกับอีก 14 บริษัทที่ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่องเช่นกัน ได้แก่ 1) บริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด 2) บริษัท ราชา สปา จำกัด 3) บริษัท สบันงา สปา จำกัด 4) บริษัท ไท่ลี่ อิมพอร์ต จำกัด 5) บริษัท ภูเก็ต บลู เฮเว่น ไดฟ์วิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด 6) บริษัทเหมยลี จำกัด 7) บริษัท หยางกวง จำกัด 8) บริษัท ที.แอล.เบทเตอร์เวย์ จำกัด 9) บริษัท บลู เวฟ รีสอร์ท จำกัด 10) บริษัท อินทรี มารีน จำกัด 11) บริษัท ภูเก็ต ปิง เฟรนด์ จำกัด 12) บริษัท แมนตา มารีน จำกัด 13) บริษัท เวนิส ซีวิว จำกัด และ 14) บริษัท บลู เบย์ รีสอร์ท จำกัด ซึ่งกรมฯ ได้ระงับการจดทะเบียน (การแก้ไข/เปลี่ยนแปลงข้อมูล) ของนิติบุคคลข้างต้นระงับการออกหนังสือรับรองและสำเนาเอกสาร พร้อมดำเนินการแจ้งความเท็จและเรียกตรวจสอบบัญชีธุรกิจ ประกอบกับระบุหมายเหตุข้อควรทราบในหนังสือรับรองเกี่ยวกับการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยว การถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานแจ้งข้อมูลเท็จ และการระงับการออกหนังสือรับรอง เพื่อให้บุคคล ที่เกี่ยวข้องหรือประชาชนได้รับทราบและพึงระวังในการดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทดังกล่าว
                   ขณะนี้กรมฯ ได้ดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนบริษัทจำนวน 13 บริษัท เรียบร้อยแล้ว ทำให้ สิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล ซึ่งจะไม่สามารถประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลได้อีกต่อไป รวมทั้งกรมฯ จะส่งดำเนินคดีในกรณีที่ผิดกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 แก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตด้วย สำหรับบริษัท สบันงา สปา จำกัด 1 ใน 14 บริษัท ข้างต้น พบหลักฐานปรากฏว่ามีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ที่เดียวกับกลุ่มบริษัทดังกล่าวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทไม่ได้ส่งงบการเงินเกินกว่า 3 ปี เข้าข่ายที่จะดำเนินการถอนทะเบียนร้างได้ แต่สรรพากรจังหวัดภูเก็ตได้ขอระงับการถอนทะเบียนร้างไว้ซึ่งกรมฯ จะได้ประสานกับสรรพากรให้ถอนระงับเพื่อจะได้ดำเนินการถอนทะเบียนร้างได้ต่อไป
                  สำหรับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ที่ได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องคือ กรมการท่องเที่ยว ได้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยวของ 6 บริษัท (ลำดับที่ 1, 5, 6, 7, 10, 11) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เข้ายึดทรัพย์ในบริษัทที่เกี่ยวโยงกับบุคคลทั้ง 2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จังหวัดภูเก็ต ได้จับกุมตัวนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม ข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้บัตรประชาชนที่ได้มาจากการแจ้งข้อมูลเท็จกับเจ้าพนักงาน สำหรับนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุลอยู่ระหว่างหลบหนีการดำเนินคดี
 
**************************************************
 ที่มา : กองธรรมาภิบาลธุรกิจ                                                                                                         ฉบับที่ 84 / 7 กรกฎาคม 2559