เริ่มแล้วสแกนภูเก็ต... มั่นใจได้ธุรกิจท่องเที่ยว 'คลีน' ไร้นอมินี เตือนอย่าเป็นตัวแทนอำพรางของใคร หากพบ!! โทษมีทั้งจำและปรับ
เริ่มแล้วสแกนภูเก็ต... มั่นใจได้ธุรกิจท่องเที่ยว 'คลีน'
ไร้นอมินี เตือนอย่าเป็นตัวแทนอำพรางของใคร หากพบ!! โทษมีทั้งจำและปรับ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผนึกกำลังพันธมิตรประเดิมตามแผนงบปี 59 เริ่มลงพื้นที่ภูเก็ตตรวจสอบนอมินี ไม่พบธุรกิจท่องเที่ยวเอี่ยว แต่เจอ 2 ธุรกิจเข้าข่ายเป็นนอมินี พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ประกบให้ความรู้ผู้ประกอบธุรกิจกันเหนียวก่อนเข้าไปเกี่ยวข้องกับวงจรนอมินีเผยผลงาน 1 ปี หลัง MOU พบธุรกิจเข้าข่าย 13 ราย และกำลังส่งไม้ต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการต่อไป
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2559 นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพร้อมด้วยพันธมิตรทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมการท่องเที่ยว และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เริ่มลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจนอมินีใน 'จังหวัดภูเก็ต' เมื่อวันที่ 15-20 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมาเป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทยและ ชาวต่างชาติ ประกอบกับเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง
"ผลการตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตจำนวนทั้งสิ้น 51 ราย พบว่า บรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างเรียบร้อย ผู้ประกอบธุรกิจให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และมีความตื่นตัวในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว 'ไม่พบ' ผู้ประกอบธุรกิจรายใดที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นนอมินี แต่กลับพบธุรกิจอื่นที่เข้าข่ายเป็นนอมินีจำนวน 2 ราย คือ ธุรกิจให้เช่ายานพาหนะ และธุรกิจขายปลีก กรมฯ จึงแจ้งให้กรรมการบริษัทของทั้ง 2 แห่งจัดส่งเอกสารเพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง หากพิจารณาแล้วพบว่าเป็นการจงใจกระทำผิด ขั้นตอนต่อไปกรมฯ จะส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการพิจารณาตามกฎหมาย สำหรับโทษของการกระทำผิดในลักษณะนี้คือ จำคุกไม่เกิน ๓ ปี หรือปรับตั้งแต่ ๑๐๐,๐๐๐- ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ ๑๐,๐๐๐ - 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน อย่างไรก็ดี แม้จะพบผู้เข้าข่ายนอมินีจำนวนไม่มากนัก กรมฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสร้างความรู้และให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกฎหมายที่ต้องรู้ และปฏิบัติตามเพื่อป้องปรามไม่ให้มีการใช้ตัวแทนอำพรางในการทำธุรกิจอีกต่อไป"
การลงพื้นที่ตรวจสอบนอมินีเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้ง 4 หน่วยงาน ที่ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้ คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2557 มีกรอบความร่วมมือใน 4 ด้านคือ ด้านการจดทะเบียนและอนุญาต ด้านการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล ด้านกำกับดูแลและป้องปราม และด้านการส่งเสริม ธุรกิจท่องเที่ยว นับเป็นเวลากว่า 1 ปีที่กรมฯ และหน่วยงานพันธมิตรได้ลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจในจังหวัดที่มีความสำคัญด้านการท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีงบประมาณ 2558 ที่ผ่านมาพบผู้กระทำผิดที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นนอมินีจำนวนทั้งสิ้น 13 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดส่งข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการต่อไป โอกาสนี้ กรมฯ จึงขอเตือนคนไทยและผู้ประกอบธุรกิจอย่าให้ความช่วยเหลือหรือถือหุ้นแทนคนต่างชาติที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจเพื่อหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมายไทยอย่างเด็ดขาด
-------------------------------------------------
ที่มา : กองธรรมาภิบาลธุรกิจ ฉบับที่ 121/ 11 ธันวาคม 2558