ระเบียบสำนักงานกลางทะเบียนหอการค้า ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้า พ.ศ. ๒๕๕๔ (ลงวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๔)
ระเบียบสำนักงานกลางทะเบียนหอการค้า -------------------------------------------------------------------------------- |
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักงานกลางทะเบียนหอการค้าว่าด้วยการจดทะเบียนหอการค้าฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้เหมาะสมยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการนำหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติใน การพิจารณาและออกคำสั่งทางปกครองที่ถูกต้อง ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมากำหนดไว้ด้วย นายทะเบียนกลางหอการค้า จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบสำนักงานกลางทะเบียนหอการค้า ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้า พ.ศ. ๒๕๕๔" ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก
ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ ข้อ ๕ การขออนุญาต การขอจดทะเบียน หรือการแจ้งที่ได้ยื่นต่อสำนักงานใด ให้นายทะเบียนสำนักงานนั้นพิจารณาสั่งการอนุญาต รับจดทะเบียน หรือรับแจ้ง หรือไม่อนุญาต ไม่รับจดทะเบียน หรือไม่รับแจ้งได้เองทั้งหมด ข้อ ๖ การขออนุญาต การขอจดทะเบียน หรือการแจ้งใดที่นายทะเบียนได้พิจารณาสั่งการอนุญาตรับจดทะเบียน หรือได้รับไว้แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลและภาพคำขอ พร้อมเอกสารประกอบเข้าระบบคอมพิวเตอร์โดยทันที ข้อ ๗ สำเนาเอกสารประกอบคำขอที่ยื่นต่อนายทะเบียน ให้ผู้ขออนุญาต ผู้ขอจดทะเบียน หรือ ผู้แจ้งอย่างน้อยหนึ่งคนลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง ข้อ ๘ ให้นำบทบัญญัติในมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาปรับใช้สำหรับคำขอใดที่ไม่ได้ยื่นภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเพราะมีพฤติการณ์ที่จำเป็น อันมิได้เกิดจากความผิดของผู้มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนหรือแจ้ง ถ้าผู้นั้นมีหนังสือขอขยายเวลาโดยแจ้งพฤติการณ์ที่จำเป็นต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่พฤติการณ์เช่นว่านั้นสิ้นสุดลง นายทะเบียนอาจขยายเวลาให้ได้ตามที่เห็นสมควร ข้อ ๙ ในการขออนุญาต การขอจดทะเบียน หรือการแจ้งตามระเบียบนี้ ให้ผู้ขออนุญาต ผู้ขอจดทะเบียน ผู้แจ้ง หรือผู้รับมอบอำนาจ ซึ่งเป็นผู้มาติดต่อแสดงบัตรประจำตัวของตน ต่อนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อ ๑๐ การแก้ไข ขีดฆ่า หรือตกเติมคำหรือข้อความในคำขอและเอกสารประกอบใด ๆ ให้ผู้ขออนุญาต ผู้ขอจดทะเบียน ผู้แจ้ง หรือผู้รับมอบอำนาจจากบุคคลดังกล่าวโดยหนังสือมอบอำนาจได้ให้อำนาจไว้เป็น ผู้ลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไข ขีดฆ่า หรือตกเติม
ข้อ ๑๑ คำขอและเอกสารประกอบ ให้ใช้แบบพิมพ์ที่มีรูปแบบ ข้อความ และขนาดตามที่ ข้อ ๑๒ การกรอกข้อความในแบบพิมพ์คำขอ และเอกสารประกอบที่ใช้ในการขออนุญาต ข้อ ๑๓ เอกสารประกอบคำขอที่เป็นภาษาต่างประเทศ ให้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทย และให้ผู้แปลรับรองความถูกต้องของคำแปลตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ข้อ ๑๔ การจัดตั้งหอการค้าต้องขออนุญาตต่อนายทะเบียน โดยผู้เริ่มก่อการจัดตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าห้าคน ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา และเป็นผู้ประกอบวิสาหกิจตามความหมายในกฎหมายว่าด้วยหอการค้า ข้อ ๑๕ ผู้ขออนุญาตจะต้องลงลายมือชื่อในคำขอต่อหน้านายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อ ๑๖ ในการขออนุญาต ผู้ขออนุญาตต้องเสนอร่างข้อบังคับของหอการค้า ที่จะขอจดทะเบียนไปพร้อมกับการขออนุญาต ข้อ ๑๗ เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนตั้งหอการค้า และออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขออนุญาตแล้ว ให้รับจดทะเบียนข้อบังคับของหอการค้านั้นไปพร้อมกัน และให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งไปยังสำนักงานกลางทะเบียนหอการค้าภายในสิบห้าวันทำการ เพื่อประกาศราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๑๘ ในการพิจารณาความประพฤติของผู้ที่จะเป็นผู้เริ่มก่อการจัดตั้ง ให้ผู้เริ่มก่อการแสดงหนังสือรับรองความประพฤติที่รับรองโดยพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ประจำอยู่ในท้องที่ที่ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งมีภูมิลำเนา ข้าราชการพลเรือนประเภทบริหาร ประเภทอำนวยการ ประเภทวิชาการตั้งแต่ระดับปฏิบัติการซึ่งมีอายุงานตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป หรือประเภททั่วไปตั้งแต่ระดับชำนาญงานขึ้นไป
ข้อ ๑๙ การขอจดทะเบียนตั้งกรรมการชุดแรกของหอการค้า ให้ผู้เริ่มก่อการอย่างน้อยหนึ่งคนลงลายมือชื่อในคำขอ ข้อ ๒๐ในการพิจารณาความประพฤติของผู้ที่จะเป็นกรรมการ หากที่ประชุมใหญ่สมาชิกไม่ได้มีการลงมติรับรองความประพฤติของผู้ที่จะเป็นกรรมการไว้ ให้ผู้ที่จะเป็นกรรมการแสดงหนังสือรับรองความประพฤติที่รับรองโดยข้าราชการพลเรือนประเภททั่วไประดับชำนาญงานขึ้นไป ประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป ประเภทอำนวยการ และประเภทบริหาร หรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งประจำอยู่ในท้องที่ที่ผู้จะเป็นกรรมการมีภูมิลำเนาอยู่ หรือจะมาแสดงตนต่อหน้านายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อทำการสอบสวนถึงความประพฤติก็ได้ ข้อ ๒๑ คำขอซึ่งมิได้มีการลงลายมือชื่อเป็นไปตามข้อ ๑๙ นายทะเบียนจะรับจดทะเบียนได้ต่อเมื่อคำขอนั้นได้ลงลายมือชื่อโดยกรรมการ หรือผู้ที่จะเป็นกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยมติที่ประชุมใหญ่ หรือมติที่ประชุมคณะกรรมการให้เป็นผู้ยื่นคำขอ และมีหลักฐานอันเป็นเอกสารประกอบการขอจดทะเบียน ดังต่อไปนี้ ข้อ ๒๒ ในกรณีที่มีกรรมการหรือสมาชิกหรือผู้เกี่ยวข้องคัดค้านการจดทะเบียนใด ๆ เป็นหนังสือต่อนายทะเบียนก่อนที่จะได้รับจดทะเบียน ให้นำความในข้อ ๒๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๒๓ เมื่อมีผู้คัดค้านการจดทะเบียนและนายทะเบียนพิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการกำหนดประเด็นข้อคัดค้านให้ชัดเจน หรือเพื่อทราบข้อเท็จจริงอื่นใดเพิ่มเติม ให้นายทะเบียนมีหนังสือลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับ แจ้งประเด็น หรือรายละเอียดที่ต้องการทราบเพิ่มเติมไปยังกรรมการหรือสมาชิก โดยกำหนดเวลาให้ชี้แจงภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ลงในหนังสือ ข้อ ๒๔ การพิจารณาคำขอตามข้อ ๑๙ กรณีที่มีผู้คัดค้านการจดทะเบียน และรายชื่อสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมใหญ่ไม่ตรงกับรายชื่อสมาชิกตามสำเนาทะเบียนสมาชิกที่นำส่งไว้ต่อนายทะเบียน จนเป็นเหตุให้เกิดประเด็นหรือข้อพิพาทเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกผู้เข้าประชุมใหญ่ หรือเกี่ยวกับสมาชิกภาพของสมาชิกให้เป็นหน้าที่ของผู้ขอจดทะเบียน นำส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกฉบับล่าสุดที่มีรายชื่อสมาชิกเป็นปัจจุบันหรือฉบับที่ใช้อ้างอิงในการประชุมใหญ่ต่อนายทะเบียน และให้ถือเอาทะเบียนสมาชิกที่นำส่งใหม่ดังกล่าวนั้นเป็นหลักฐานในการพิจารณา ข้อ ๒๕ กรณีที่นายทะเบียนพิจารณารับจดทะเบียนหรือไม่รับจดทะเบียนคำขอใด ที่มีผู้คัดค้านการจดทะเบียนให้นายทะเบียนแจ้งหอการค้าและผู้คัดค้านทราบ พร้อมทั้งแจ้งสิทธิและระยะเวลาในการอุทธรณ์หรือโต้แย้งตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้า หรือตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองทั้งนี้ ตามที่กำหนดไว้ในหมวด ๑๑
ข้อ ๒๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ ๒๐ ๒๑ ๒๒ และ ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหอการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้หอการค้ากำหนดรายละเอียดคุณสมบัติของสมาชิกแต่ละประเภทไว้ในข้อบังคับของหอการค้าที่ยื่นขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนด้วย ข้อ ๒๗ ในกรณีที่สมาชิกของหอการค้าเป็นนิติบุคคล และมีที่ตั้งที่ทำการหลายแห่งหรือมีสำนักงานสาขาให้ถือว่าถิ่นอันเป็นที่ตั้งของที่ทำการหรือของสำนักงานสาขาเป็นภูมิลำเนาของนิติบุคคลนั้น ในการที่จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของหอการค้าใด ๆ ได้ ข้อ ๒๘ สำเนาทะเบียนสมาชิกของหอการค้าให้มีรายการและรูปแบบที่กำหนดไว้ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๒๙ สำเนาทะเบียนสมาชิกที่หอการค้านำส่งต่อนายทะเบียนนั้น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องตรงกับทะเบียนสมาชิกที่หอการค้าเก็บรักษาไว้ หมวด ๖ ข้อ ๓๐ หอการค้าจะมีตราของหอการค้าหรือไม่ก็ได้ หากประสงค์จะมีตราของหอการค้าก็ให้กำหนดรูปแบบของตราไว้ในข้อบังคับของหอการค้า หมวด ๗ ข้อ ๓๑ ชื่อของหอการค้าต้องเป็นอักษรไทย โดยจะมีอักษรต่างประเทศกำกับไว้ท้ายหรือใต้ชื่ออักษรไทยด้วยก็ได้ ข้อ ๓๒ชื่อของหอการค้าจังหวัดที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร จะต้องประกอบด้วยคำว่า "หอการค้าจังหวัด" และตามด้วยชื่อของจังหวัดอันเป็นที่ตั้งของหอการค้าจังหวัดนั้น สำหรับในกรณีของกรุงเทพมหานคร ให้ใช้ชื่อว่า "หอการค้าไทย" ข้อ ๓๓ ชื่อของหอการค้าต่างประเทศ จะต้องปรากฏชื่อประเทศ อันเป็นสัญชาติของสมาชิกส่วนใหญ่ที่เป็นบุคคลธรรมดา หรือสัญชาติของบุคคลผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นซึ่งลงทุนเกินกึ่งจำนวนของทุนในนิติบุคคล ในกรณีที่สมาชิกเป็นนิติบุคคล ประกอบอยู่ด้วย และให้มีได้เพียงประเทศละหนึ่งหอเท่านั้น หมวด ๘ ข้อ ๓๔ หอการค้าต้องจัดทำงบดุลให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้วนำเสนอเพื่ออนุมัติต่อที่ประชุมใหญ่ของหอการค้าภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันที่สิ้นปีการบัญชี ในการนี้ให้หอการค้าจัดทำรายงานประจำปีแสดงผลการดำเนินกิจการเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ในคราวเดียวกับที่เสนองบดุลด้วย ข้อ ๓๕ หอการค้าต้องจัดส่งสำเนารายงานประจำปีและสำเนางบดุลที่ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่มีการประชุมใหญ่
ข้อ ๓๖ การขอตรวจ คัดสำเนา หรือรับรองสำเนาเอกสารเกี่ยวกับหอการค้า ให้ผู้ขอยื่นแบบตามแบบพิมพ์ที่กำหนดไว้ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๓๗ การขอตรวจหรือคัดสำเนาเอกสารเกี่ยวกับหอการค้าที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของนายทะเบียนในการอนุญาต การรับจดทะเบียน หรือการรับแจ้ง จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะมีคำสั่งศาลหรือได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อ ๓๘ การรับรองสำเนาเอกสารเกี่ยวกับหอการค้า ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อรับรอง โดยมีข้อความดังนี้ ข้อ ๓๙ หนังสือรับรองความประพฤติของผู้เริ่มก่อการจัดตั้ง หรือหนังสือรับรองประวัติกรรมการของหอการค้าอันถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้ตรวจ คัดสำเนา หรือทำการรับรองสำเนาเอกสารนั้นได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือในขณะนั้น ข้อ ๔๐ การยื่นขอใบอนุญาตหอการค้าฉบับใหม่แทนฉบับเดิมที่สูญหายหรือถูกทำลายให้กรรมการหอการค้าหรือผู้รับมอบอำนาจโดยส่งหนังสือมอบอำนาจ ยื่นแบบตามแบบพิมพ์ที่นายทะเบียนกำหนดรูปแบบขึ้นท้ายระเบียบนี้ |
หมวด ๑๐ ข้อ ๔๑ เมื่อปรากฏแก่นายทะเบียนว่า หอการค้าใดไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ หรือหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่สองปีขึ้นไป หรือหอการค้าขาดส่งสำเนางบดุลและสำเนารายงานประจำปีต่อนายทะเบียนติดต่อกันสามปี นับแต่ปีปัจจุบันย้อนหลังลงไป ให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งกรรมการของหอการค้านั้นมาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินกิจการ หรือส่งเอกสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของหอการค้า หรือนายทะเบียน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่อาจเข้าไปตรวจสอบในสำนักงานของหอการค้า เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของหอการค้านั้น และหากข้อเท็จจริงปรากฏแก่นายทะเบียนว่าหอการค้าไม่ได้ดำเนินกิจการหรือหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่สองปีขึ้นไปแล้ว ก็ให้รายงานเสนอตามลำดับชั้นถึงรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสั่งให้เลิกหอการค้า ข้อ ๔๒ เมื่อหอการค้าได้เลิกกันด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง นอกจากกรณีที่รัฐมนตรีมีคำสั่งให้เลิกตามข้อ ๔๑ ให้หอการค้านั้นแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกำหนดเวลาสิบห้าวัน นับแต่วันที่เกิดมีเหตุที่ทำให้เลิกและให้ผู้ชำระบัญชีอย่างน้อยหนึ่งคน ลงลายมือชื่อในคำขอแจ้งเลิกหอการค้า ข้อ ๔๓ เมื่อนายทะเบียนได้รับทราบคำสั่งของรัฐมนตรีที่ให้เลิกหอการค้า หรือได้รับการแจ้งเลิกหอการค้าตามข้อ ๔๑ และ ๔๒ ให้นายทะเบียนทำการเพิกถอนใบอนุญาต และขีดชื่อหอการค้าที่เลิกกันนั้นออกจากทะเบียน และให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งไปยังสำนักงานกลางทะเบียนหอการค้าภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตและขีดชื่อหอการค้า เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๔๔ การชำระบัญชีของหอการค้าที่ได้มีการเลิกให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของแต่ละหอการค้านั้น หรือเป็นไปตามบทบัญญัติ มาตรา ๔๖ และ ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ ข้อ ๔๕ เมื่อหอการค้าได้เลิกกันแล้ว ให้ผู้ชำระบัญชีจัดทำรายงานการชำระบัญชียื่นต่อนายทะเบียนทุกระยะสามเดือน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปของบัญชีที่ชำระอยู่ จนกว่าจะเสร็จการชำระบัญชี ข้อ ๔๖ เมื่อการชำระบัญชีของหอการค้าได้เสร็จสิ้นลงก็ให้ผู้ชำระบัญชีแจ้งต่อนายทะเบียน และให้ถือว่าหอการค้านั้นได้ดำเนินการชำระบัญชีจนเสร็จสิ้นแล้ว ข้อ ๔๗ ในการรายงานการชำระบัญชีและการแจ้งเสร็จการชำระบัญชีของหอการค้า ให้ผู้ชำระบัญชีอย่างน้อยหนึ่งคนลงลายมือชื่อในแบบรายงานการชำระบัญชี หรือคำขอแจ้งเสร็จการชำระบัญชีแล้วแต่กรณี หมวด ๑๑ ข้อ ๔๘ การแจ้งสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้า กรณีที่นายทะเบียนมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ตั้งหอการค้า หรือไม่รับจดทะเบียนการแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับของหอการค้า ให้แจ้งคำสั่งเป็นหนังสือโดยระบุเหตุผลของการสั่งให้ผู้ขออนุญาตหรือผู้ขอจดทะเบียนทราบ พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบด้วยว่าผู้ขออนุญาตหรือผู้ขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อรัฐมนตรีภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ข้อ ๔๙ การแจ้งสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กรณีที่นายทะเบียนมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนตั้งหรือเปลี่ยนตัวกรรมการ หรือไม่รับจดทะเบียนผู้ใดเป็นกรรมการของหอการค้าหรือไม่รับการแจ้งเลิกหรือการแจ้งเสร็จการชำระบัญชีของหอการค้า ให้แจ้งคำสั่งเป็นหนังสือโดยระบุเหตุผลของการสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนและกรรมการผู้ที่ถูกปฏิเสธการรับจดทะเบียน หรือผู้ชำระบัญชีทราบ พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบด้วยว่าผู้ขอจดทะเบียนหรือกรรมการดังกล่าว หรือผู้ชำระบัญชีมีสิทธิอุทธรณ์หรือโต้แย้งคำสั่งต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ข้อ ๕๐ การแจ้งสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียนตามข้อ ๔๘ และ ๔๙ ให้กระทำภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่มีคำสั่ง และให้กระทำโดยวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้ ข้อ ๕๑ คำอุทธรณ์หรือข้อโต้แย้งจะต้องทำเป็นหนังสือ โดยระบุข้อโต้แย้งและข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่อ้างอิงให้ชัดเจน ข้อ ๕๒ เมื่อนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำอุทธรณ์หรือโต้แย้งแล้ว ให้ดำเนินการ ดังนี้ บทเฉพาะกาล ข้อ ๕๓ บรรดาคำขอซึ่งได้ยื่นไว้ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้เป็นไปตามระเบียบที่ใช้บังคับอยู่ในขณะยื่นคำขอนั้น ข้อ ๕๔ คำขอที่ยื่นภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ผู้ขออนุญาตจัดตั้ง ผู้ขอจดทะเบียน และผู้แจ้งจะใช้แบบพิมพ์เดิมที่แนบท้ายระเบียบสำนักงานกลางทะเบียนหอการค้า ว่าด้วยการจดทะเบียนหอการค้า พ.ศ. ๒๕๔๗ ก็ได้ |
สั่ง ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๕ |