(พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ (หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอจดทะเบียน) (ลงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๓๕)

กฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๓๕)
ออกตามความในพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด
พ.ศ. ๒๕๓๕

--------------------------------------------------------------------------------
 

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔(๑) แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ คำขอจดทะเบียนดังต่อไปนี้ ให้ใช้แบบพิมพ์ที่นายทะเบียนจัดพิมพ์ขึ้นตามที่รัฐมนตรีกำหนด

(๑) คำขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิตามมาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๐ (๓)
(๒) คำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิหรือข้อบังคับของบริษัทตามมาตรา ๓๑
(๓) คำขอจดทะเบียนบริษัทตามมาตรา ๓๙
(๔) คำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายการตามมาตรา ๔๐
(๕) คำขอจดทะเบียนจัดตั้งหรือเลิกสำนักงานสาขาตามมาตรา ๔๘
(๖) คำขอจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนตามมาตรา ๑๓๖
(๗) คำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วตามมาตรา ๑๓๘
(๘) คำขอจดทะเบียนมติลดทุนตามมาตรา ๑๓๙
(๙) คำขอจดทะเบียนลดทุนจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายตามมาตรา ๑๔๐
(๑๐) คำขอจดทะเบียนลดทุนตามมาตรา ๑๔๒
(๑๑) คำขอจดทะเบียนการควบบริษัทตามมาตรา ๑๕๑
(๑๒) คำขอจดทะเบียนเป็นผู้ชำระบัญชีและเลิกบริษัทตามมาตรา ๑๖๑
(๑๓) คำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ชำระบัญชีตามมาตรา ๑๖๓
(๑๔) คำขอจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีตามมาตรา ๑๗๖
(๑๕) คำขอจดทะเบียนแปรสภาพบริษัทเอกชนตามมาตรา ๑๘๓

ข้อ ๒ คำขอจดทะเบียนตามข้อ ๑ ต้อง
(๑) มีข้อความถูกต้องและครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในแบบพิมพ์
(๒) ข้อความตาม (๑) ต้องดีดพิมพ์หรือตีพิมพ์เป็นภาษาไทย
(๓) มีหนังสือหรือเอกสารประกอบคำขอจดทะเบียน
(๔) มีลายมือชื่อผู้เริ่มจัดตั้งบริษัท ผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัท หรือผู้ชำระบัญชีแล้วแต่กรณี อย่างน้อยหนึ่งคนเป็นผู้ขอจดทะเบียน
(๕) มีถิ่นที่อยู่และสถานที่ติดต่อของผู้ขอจดทะเบียนในราชอาณาจักร

ข้อ ๓ การลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียน ผู้ขอจดทะเบียนต้องลงลายมือชื่อด้วยตนเองต่อหน้านายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่
ในกรณีที่ไม่อาจลงลายมือชื่อต่อหน้านายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ไม่ว่าด้วยประการใดๆ ผู้ขอจดทะเบียนต้องลงลายมือชื่อต่อหน้าบุคคลดังต่อไปนี้ โดยมีหนังสือรับรองการลงลายมือชื่อของบุคคลดังกล่าวแสดงต่อนายทะเบียนด้วย

(๑) นายอำเภอ ปลัดอำเภออาวุโสหรือผู้อำนวยการเขต ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตหรือนายตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ร้อยตำรวจเอกขึ้นไป ซึ่งประจำอยู่ในท้องที่ที่ผู้ขอจดทะเบียนมีภูมิลำเนาอยู่
(๒) ทนายความหรือผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับรองลายมือชื่อไว้กับนายทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่นายทะเบียนกำหนด
(๓) เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของสถานทูตไทย หรือสถานกงสุลไทย หรือหัวหน้าสำนักงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งประจำอยู่ ณ ประเทศอื่น หรือเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายให้ทำการแทนบุคคลดังกล่าว สำหรับกรณีลงลายมือชื่อในต่างประเทศ
(๔) บุคคลซึ่งตามกฎหมายของต่างประเทศที่ผู้ขอจดทะเบียนมีภูมิลำเนา หรือพำนักอาศัยไม่ว่าในฐานะใด ๆ มีอำนาจรับรองลายมือชื่อ ทั้งนี้ โดยมีคำรับรองของบุคคลตาม (๓) รับรองลายมือชื่อของผู้รับรองลายมือชื่อดังกล่าวด้วยหนังสือรับรองลายมือชื่อของบุคคลตาม (๑) และ (๒) ต้องทำตามแบบที่นายทะเบียนกำหนด

ข้อ ๔ การยื่นคำขอจดทะเบียนให้ยื่นต่อนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ในจังหวัดที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ หรือส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงนายทะเบียน ณ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ก็ได้
ในกรณีที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร ผู้ขอจดทะเบียนต้องยื่นคำขอจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชุดเป็นคู่ฉบับ

ข้อ ๕ หนังสือบริคณห์สนธิและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ให้ทำตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนด

ข้อ ๖ หนังสือบริคณห์สนธิ ข้อบังคับของบริษัท และเอกสารประกอบคำขอจดทะเบียนต้อง

(๑) ดีดพิมพ์หรือตีพิมพ์เป็นภาษาไทย
(๒) ใช้กระดาษหน้าเดียว
(๓) มีหมายเลขประจำหน้าและจำนวนหน้าทั้งหมดของหนังสือและเอกสารแต่ละเรื่องไว้ที่มุมขวาด้านบนของทุกหน้า
(๔) ในกรณีที่มีการส่งสำเนาเอกสาร ผู้ขอจดทะเบียนต้องลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องของสำเนาเอกสารนั้นด้วย
ทั้งนี้ เว้นแต่ได้รับการผ่อนผันจากนายทะเบียนในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามวรรค หนึ่งได้

ข้อ ๗ การขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิตามมาตรา ๑๙ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบหนังสือบริคณห์สนธิไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียนด้วย

ข้อ ๘ การขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิก่อนการขอจดทะเบียนเป็นบริษัทตามมาตรา ๑๙ วรรคสอง ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้ไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

(๑) หนังสือยินยอมของผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททุกคนให้แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธินั้น
(๒) หนังสือรับรองของผู้ขอจดทะเบียนว่ายังมิได้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนหรือบุคคลใดๆ
การขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมรายการเกี่ยวกับจำนวนและบุคคลผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทตามมาตรา ๒๐ (๓) ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้พร้อมกับคำขอจดทะเบียน
(๑) สำเนาใบมรณะบัตรหรือหนังสือถอนตัวของผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทโดยระบุวัน เดือน ปี ที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทถอนตัว แล้วแต่กรณี
(๒) หนังสือยินยอมของผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททุกคนที่ให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทดังกล่าวถอนตัว

ข้อ ๙ การขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิหรือข้อบังคับของบริษัทตามมาตรา ๓๑ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ที่ลงมติให้แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ หรือข้อบังคับของบริษัทไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียนด้วย
ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของบริษัท ให้แนบข้อบังคับของบริษัทฉบับที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมแล้วซึ่งจัดทำขึ้นใหม่ทั้งหมดไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียนด้วย

ข้อ ๑๐ การขอจดทะเบียนบริษัทตามมาตรา ๓๙ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้ไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

(๑) ข้อบังคับของบริษัท
(๒) สำเนารายงานการประชุมจัดตั้งบริษัท
(๓) หนังสือยินยอมของบุคคลซึ่งตกลงเป็นกรรมการบริษัท โดยผู้ให้คำยินยอมดังกล่าวลงลายมือชื่อต่อหน้าบุคคลตามข้อ ๓
(๔) หนังสือของสถาบันการเงินแสดงว่าได้รับชำระเงินค่าหุ้น โดยระบุจำนวนเงินที่ได้รับไว้ทั้งสิ้น ประเภท และเลขบัญชีเงินฝาก
(๕) สำเนาเอกสารแสดงสิทธิ์ในสถานที่ที่จะใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัท
(๖) บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท
(๗) สำเนาหนังสือแจ้งให้ผู้จองหุ้นที่ชำระหุ้นด้วยทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ตัวเงินโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินให้แก่บริษัท ในกรณีที่มีผู้จองหุ้นเช่นนั้น

ข้อ ๑๑ การขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายการตามมาตรา 40 ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้ไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

(๑) หนังสือของสถาบันการเงินแสดงว่าได้รับชำระเงินค่าหุ้น โดยระบุจำนวนเงินที่ได้รับไว้ทั้งสิ้น ประเภท และเลขบัญชีเงินฝาก ในกรณีที่เปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว และจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้
(๒) บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ในกรณีที่เปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว และจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้
(๓) หนังสือยินยอมของบุคคลซึ่งตกลงเป็นกรรมการบริษัท โดยผู้ให้คำยินยอมดังกล่าวลงลายมือชื่อต่อหน้าบุคคลตามข้อ ๓
(๔) สำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นหรือรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท แล้วแต่กรณี
(๕) สำเนาเอกสารแสดงสิทธิ์ในสถานที่ที่จะใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัทในกรณีที่จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสำนักงาน

ข้อ ๑๒ การจดทะเบียนจัดตั้งสำนักงานสาขาตามมาตรา ๔๘ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบสำเนาเอกสารแสดงสิทธิ์ในสถานที่ที่จะใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานสาขาไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

ข้อ ๑๓ การขอจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนตามมาตรา ๑๓๖ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

ข้อ ๑๔ การขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วตามมาตรา ๑๓๘ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้ไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

(๑) หนังสือของสถาบันการเงินแสดงว่าได้รับชำระเงินค่าหุ้น โดยระบุจำนวนเงินที่ได้รับทั้งสิ้น ประเภท และเลขบัญชีเงินฝาก
(๒) บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทเฉพาะผู้ซื้อหุ้นที่เพิ่ม

ข้อ ๑๕ การขอจดทะเบียนมติลดทุนตามมาตรา ๑๓๙ และจดทะเบียนลดทุนจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือยังไม่ได้นำออกจำหน่ายตามมาตรา ๑๔๐ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่ลงมติให้ลดทุนจดทะเบียนไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

ข้อ ๑๖ การขอจดทะเบียนลดทุนตามมาตรา ๑๔๒ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้ ไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

(๑) บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท
(๒) สำเนาหนังสือแจ้งมติการลดทุนไปยังเจ้าหนี้บริษัท
(๓) หนังสือพิมพ์ที่ลงโฆษณามติการลดทุนของบริษัท

ข้อ ๑๗ การขอจดทะเบียนควบบริษัทตามมาตรา ๑๕๑ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้ ไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

(๑) หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัทที่ควบกันแล้ว
(๒) สำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัทที่มีมติให้ควบบริษัท
(๓) สำเนาหนังสือแจ้งมติการควบบริษัทไปยังเจ้าหนี้ของบริษัท
(๔) สำเนารายงานการประชุมร่วมกันของผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ควบกัน
(๕) หนังสือยินยอมของบุคคลซึ่งตกลงเป็นกรรมการบริษัท โดยผู้ให้คำยินยอมดังกล่าวลงลายมือชื่อต่อหน้าบุคคลตามข้อ ๓
(๖) สำเนาเอกสารแสดงสิทธิ์ในสถานที่ที่จะใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัท
(๗) บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท
(๘) หนังสือพิมพ์ที่ลงโฆษณามติให้ควบบริษัทของแต่ละบริษัท
(๙)ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนของแต่ละบริษัท

ข้อ ๑๘ การขอจดทะเบียนเป็นผู้ชำระบัญชีตามมาตรา ๑๖๑ (๑) หรือขอจดทะเบียนเลิกบริษัทตามมาตรา ๑๖๑ (๒) ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้ ไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

(๑) สำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้น หรือคำสั่งของศาลที่แต่งตั้งผู้ชำระบัญชีหรือที่ให้เลิกบริษัท แล้วแต่กรณี
(๒) หนังสือยินยอมของผู้ชำระบัญชีในการเป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัท
(๓) สำเนาเอกสารแสดงสิทธิ์ในสถานที่ที่ใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานของผู้ชำระบัญชี

ข้อ ๑๙ การขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ชำระบัญชีตามมาตรา ๑๖๓ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้ ไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

(๑) สำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่มีมติแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี หรือคำสั่งของศาลที่แต่งตั้งผู้ชำระบัญชีใหม่ แล้วแต่กรณี
(๒) หนังสือยินยอมของผู้ชำระบัญชีในการเป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัท
(๓) สำเนาเอกสารแสดงสิทธิ์ในสถานที่ที่ใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานของผู้ชำระบัญชีในกรณีที่สำนักงานของผู้ชำระบัญชีที่แต่งตั้งใหม่ไม่ใช่สำนักงานเดียวกันกับสำนักงานของผู้ชำระบัญชีเดิม

ข้อ ๒๐ การขอจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีตามมาตรา ๑๗๖ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้ไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

(๑) รายงานผลการชำระบัญชีพร้อมด้วยบัญชีรับจ่ายที่เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น
(๒) สำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่อนุมัติรายงานผลการชำระบัญชีและบัญชีรับจ่าย
(๓) รายงานการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนพร้อมกับบัญชีรับจ่ายในการชำระบัญชีฉบับสุดท้าย
(๔) รายละเอียดสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีของบริษัท

ข้อ ๒๑ การขอจดทะเบียนแปรสภาพบริษัทเอกชนตามมาตรา ๑๘๓ ผู้ขอจดทะเบียนต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้ไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน

(๑) หนังสือบริคณห์สนธิ เฉพาะรายการตามมาตรา ๑๘ (๑) ถึง (๕) และข้อบังคับของบริษัท
(๒) สำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่มีมติพิเศษให้บริษัทเอกชนแปรสภาพ
(๓) หนังสือยินยอมของบุคคลซึ่งตกลงเป็นกรรมการบริษัท โดยผู้ให้คำยินยอมดังกล่าวลงลายมือชื่อต่อหน้าบุคคลตามข้อ ๓
(๔) สำเนาเอกสารแสดงสิทธิ์ในสถานที่ที่จะใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัท
(๕) บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท

ข้อ ๒๒ การขอจดทะเบียน ผู้ขอจดทะเบียนต้องชำระค่าธรรมเนียมต่อนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนให้ชำระค่าธรรมเนียม หากไม่ชำระค่าธรรมเนียมภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้นายทะเบียนจำหน่ายคำขอจดทะเบียนนั้น

ข้อ ๒๓ เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัท เปลี่ยนชื่อบริษัท ควบบริษัทหรือแปรสภาพบริษัทเอกชน และบริษัทได้ชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนนั้นแล้ว ให้นายทะเบียนออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่บริษัท

 

ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕
อมเรศ ศิลาอ่อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

 

หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติให้การขอจดทะเบียน และการรับจดทะเบียนเกี่ยวกับบริษัทมหาชนจำกัดต้องเป็นไปตามที่กฎในกระทรวงสมควร กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอจดทะเบียนและการรับจดทะเบียนดังกล่าว จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้